(มีคลิป) กรมชลประทาน ลงพื้นที่ห้วยสะแพด และอ่างเก็บน้ำห้วยปุ๊ตอนบน อ.จอมทอง ยันมีน้ำพอใช้!

เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 15 ม.ค. 2563 รายงานข่าวแจ้งว่า ที่บริเวณสำนักงานโครงการพัฒนาเบ็ดเสร็จฯ อ่างเก็บน้ำห้วยปุ๊ตอนบน อ.จอมทอง จ.เชียงใหม่ นายสุดชาย พรหมมลมาศ ผู้อำนวยการสำนักงานชลประทานที่ 1 พร้อมด้วยคณะทำงาน ได้ร่วมกันลงพื้นที่ติดตามความคืบหน้าการจัดทำแผนการพัฒนา และการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำอย่างเป็นระบบ โครงการพัฒนาเบ็ดเสร็จลุ่มน้ำสาขาแม่น้ำปิง อันเนื่องมาจากพระราชดำริ ซึ่งเป็นโครงการที่ดำเนินการครอบคลุมพื้นที่ อ.จอม ทอง และ อ.บ้านโฮ่ง จ.ลำพูน

โดยหลังการสำรวจครั้งนี้ ทางด้านผู้อำนวยการ สำนักงานชลประทานที่ 1 เปิดเผยว่า โครงการพัฒนาเบ็ดเสร็จลุ่มน้ำสาขาแม่น้ำปิง อันเนื่องมาจากพระราชดำริ มีแหล่งเก็บกักน้ำที่ก่อสร้างมานานถึง 36 ปี โครงการฯ ประกอบด้วยอ่างเก็บน้ำ 22 แห่ง บ่อบาดาล 42 บ่อ สระเก็บน้ำ 24 แห่ง ประตูระบายน้ำ 4 แห่ง และสถานีสูบน้ำจากแม่น้ำปิง อีก 8 แห่ง สามารถสนับสนุนพื้นที่เกษตรกรรมได้ 2 จังหวัด 3 อำเภอ 4 ตำบล ประกอบด้วย ต.บ้านโฮ่ง ต.หนองปลาสวาย อ.บ้านโฮ่ง จ.ลำพูน ต.บ้านแปะ ต.แม่สอย อ.จอมทอง และ ต.บ้านตาล อ.ฮอด จ.เชียงใหม่

สภาพโดยรวมในปัจจุบัน อ่างเก็บน้ำชำรุดทรุดโทรมอย่างมาก บางแห่งมีปัญหาการรั่วซึม จึงไม่สามารถกักเก็บน้ำไว้ได้ บางแห่งตัวอ่างมีลักษณะตั้งฉากกับแนวฝนในพื้นที่ ทำให้ไม่สามารถเก็บน้ำได้เต็มความจุ รวมถึงหัวงานบางแห่ง ไม่มีอาคารประกอบ และระบบส่งน้ำเดิมที่ใช้อยู่ เกิดการชำรุดและใช้งานได้ไม่ดี ทำให้ไม่สามารถเก็บกักน้ำได้อย่างมีประสิทธิภาพ ตามความจุอ่างที่มีอยู่ ส่งผลให้ในพื้นที่ทั้ง 4 ตำบล ประสบปัญหาภัยแล้งเกือบทุกปี

ดังนั้นกรมชลประทานเห็นถึงปัญหาเหล่านี้ จึงมอบหมายให้ กลุ่มบริษัทที่ปรึกษาประกอบด้วย บริษัท ทีม คอนซัลติ้ง เอนจิเนียริ่ง แอนด์ แมเนจเมนท์ จำกัด (มหาชน) บริษัท โพธิศิรินทร์ ไทยคอนซัลแต๊นส์ จำกัด และ บริษัท ทีแอลที คอนซัลแตนส์ จำกัด ทำการศึกษาหาแนวทางปรับปรุงเพื่อให้สามารถใช้งานได้ดังเดิม โดยการจัดทำแผนแม่บทการปรับปรุงอ่างเก็บน้ำในภาพรวมทั้งหมด และจะคัดเลือกโครงการมาทำการศึกษาความเหมาะสม จำนวน 1 โครงการ เพื่อนำไปดำเนินการให้เกิดผลโดยเร็ว โดยการศึกษาครั้งนี้ จะจัดการประชุมรับฟังความคิดเห็นของประชาชนผู้มีส่วนได้เสียทุกขั้นตอน จำนวน 4 ครั้ง เพื่อให้ได้แผนการปรับปรุงที่เหมาะสม ทั้งด้านวิชาการและเป็นที่ยอมรับของประชาชน โดยกรมชลประทานและกลุ่มบริษัทที่ปรึกษา ได้จัดประชุมรับฟังความคิดเห็นไปแล้ว 2 ครั้ง

ผู้อำนวยการ สำนักงานชลประทานที่ 1 กล่าวเพิ่มเติมอีกว่า การจัดทำแผนแม่บทตามโครงการฯ นี้ มีกรอบเวลาในการทำงาน รวม 540 วัน ซึ่งจะสิ้นสุดการดำเนินการตามสัญญาจ้าง ในวันที่ 30 ก.ย. 63 นี้ โดยทำการศึกษาและจัดทำแผนหลักการพัฒนา และบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ ศึกษาและจัดทำรายงานความเหมาะสม และการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม กระบวนการทั้งหมดแล้วเสร็จภายใน ก.ย.นี้ ซึ่งจะได้แนวทางการพัฒนาพื้นที่ ทั้งโครงการเบ็ดเสร็จลุ่มน้ำสาขาแม่น้ำปิง อันเนื่องมาจากพระราชดำริ ที่เป็นไปตามหลักวิชาการ และสอดคล้องกับความต้องการของชุมชน สามารถบรรเทาปัญหาการขาดแคลนน้ำได้

ทั้งนี้กล่าวให้เข้าใจง่าย ๆ ก็คือ หลังจากที่ทำการศึกษาเสร็จ แผนหลักที่ว่านั้นจะตอบโจทย์การแก้ปัญหาภัยแล้ง ในพื้นที่บริการทั้ง 4 ตำบลนี้ได้ในระดับที่ประชาชนในพื้นที่ต้องการ จะมีรูปแบบในการปรับปรุงอ่างเก็บน้ำทั้ง 22 แห่งให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น รวมถึงระบบต่าง ๆ อาทิ แก้ไขการรั่วซึมของอ่างฯ ปรับปรุงอาคารประกอบที่ชำรุดทรุดโทรม การเพิ่มปริมาณน้ำในอ่างฯ โดยการยกระดับสันเขื่อนและทางระบายน้ำล้น และการก่อสร้างอ่างเก็บน้ำใหม่ ในบริเวณอ่างเก็บน้ำเดิม เหล่านี้ประชาชนผู้มีส่วนได้เสียที่เข้าร่วมการประชุม เห็นด้วยกับแนวทางการปรับปรุงอ่างเก็บน้ำ และพร้อมที่จะจัดตั้งกลุ่มเพื่อร่วมกันบริหารจัดการน้ำให้เกิดประโยชน์สูงสุด ผลจากการปรับปรุงอ่างเก็บน้ำตามที่กล่าวมา จะทำให้มีปริมาณน้ำเพิ่มขึ้นอีกราว 9 ล้านลูกบาศก์เมตร รวมปริมาณน้ำทั้งหมดเก็บได้ราว 20 ล้านลูกบาศก์เมตร สามารถส่งน้ำให้พื้นที่เกษตรกรรม ได้ประมาณ 15,000 ไร่ ซึ่งตรงนี้จะตอบโจทย์การแก้ปัญหาการขาดแคลนน้ำ ปัญหาภัยแล้งซ้ำซากในพื้นที่ อย่างเช่นที่ประสบอยู่ในปีนี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากกว่าเดิม

ร่วมแสดงความคิดเห็น