ประวัติพระธาตุหลวงจอมยอง และไม้ศรีคำเมืองยอง

ตั้งแต่เจ้าสุนันทะศรัตรู เป็นลูกเจ้ากษัตริย์เชียงรุ่งได้ปราบข้ามิละ (ลัวะ) ได้เสวยเมืองสืบลูกหลานมาได้สิบเอ็ดตนถึงมาพระยานราสุมหาราช นางเทวีชื่อว่ายศสีดา มีลูกชายชื่อว่าสุลังกะวุตติ กาละนั้นพระศรีสุโทธนะเมืองกบิลพัสดุ์ และพระนางศรีมหามายามีพระราชบุตร ชื่อเจ้าชายสิทธัตถะกุมารได้บวชเป็นพระเจ้าได้ชวนอรหันตา เหิรฌานมาทางอากาศพร้อมด้วยภิกษุ 500 ตน มาถึงยอดจอมดอยได้เอาเกศา 4 เส้น อับปั๋นฤษี คิริมานนท์ด้วยระนึกรู้ชาติหลังว่าตนได้เป็นพ่อค้าเรือสำเภา 500 เล่ม

ได้เสียเรือมาหล้มที่นี้ท้ายไปวันตกหัวไปวันออกได้มาเสียเงินคำและชีวิตที่นี้พื้นดอยนี้มีหนองสระมีปลากีมคำ 2 ตัวเท่าลำเรือ ปลาไนคำ 2 ตัวเท่าผืนสาด ปลาช่อนคำ 2 ตัวเท่าลำตาล แมงดาคำ 2 ตัวเท่าหมอนงัว (วัว) เหยียนปอน (ปลาไหลเผือก) 2 ตัว เท่าลำพร้าว มีนาคตัวหนึ่งชื่อเสนานคราชอยู่ใต้น้ำมหินทีตีนดอยปายหนเหนือดังฤษีคิริมานนท์ก็ได้รับเอาเกศา 4 เส้นแล้วก็ไหว้นบสักการบูชาลอดได้ถึงอรหันตาถึงเมื่อจักเสี้ยงอายุก็เอาเกศาใส่ในคอูบไม้รวกแล้วเอาช้อนคะอบจีนเอาฝังไว้เหนือจอมดอยปายวันตกเอาไม้รวกปลูกปิดไว้ ปายวันออกเอาไม้ซางปลูกปิดไว้ปายหนใต้เอาไม้ไร่ปลูกปิดไว้ปายหนเหนือเอาไม้ไคร่ปลูกปิดไว้

พระฤษีก็สั่งพระยานาราสุมหาราชไว้ ลวดนิพพานไปถึงเมื่อพระพุทธเจ้ามีอายุได้ 80 นิพพานที่เมืองกุสินาราเมื่อกระทำฌาปนกิจวันนั้นมีพระอรหันตาตนหนึ่ง ชื่อสรภูภิกขุเข้าฌานสมาบัติผ่ากองไฟไปถอดเอาเกศาสุกตีนผมหน้าผาก 4 เส้นกับดูกดั้มหมีดก้ำซ้ายเรียกชื่อว่า “อะขะกะ” สะญองมาเหนือดอยมหิยังกณะ แล้วเอาเข้ามารวมกันไว้กับเกศาดิบ 4 เส้นรวมเป็น 8 เส้นเรียกชื่อว่า “อัฏฐริเกศา” มหาเถรจึงเข้าไปเมตตาบอกเลายังพระยานราสุมหาราชว่าเราเอาพระนิพพานมาหื้อปอ (พ่อ) ออกมหาราชแล พระยาเจ้าก็รับเอาว่าสาธุดีและแล้วพระยาก็มาแปงคะอูปแก้วใหญ่เท่าหมากตาลและคะอูปคำลูกหนึ่งน้ำนักมีพันชั้นและเอาอูปคำลูกหนึ่งน้ำหนักมีพันชั้น และเอาเกศาธาตุใส่คะอูปไม้รวก ซ้อนเอาคะอูปแก้วคะอูปคำคะอูปจีนแล้วเอาแก้วแสงเงินคำควรค่าแสนคำหนึ่งมาบูชาและเฝดฝังไว้ถึงมาพุทธศักราชได้ 1945 จุฬศักราชได้ 764 ค.ศ.1402

กาลนั้นมีพระยาตนหนึ่งปรากฏได้ชื่อว่า “สุลังกะวุตติ” อันเป็นสายเชื้อราชวงศ์ของพระยานราสุมหาราชสืบมาหลายโคตรพระยามีอรหันตา 4 ตน ตน 1 ชื่ออานันตญาโณ ตนหนึ่งชื่อว่าอุปนันโต ตนหนึ่งชื่อโสภิต ตนหนึ่งชื่อสุภัณณะ ได้นำมานำมายังพระธาตุ คือ กระดูกหน้าแขง และกระดูกคอตีนกวา กับธาตุย่อยดวงหนึ่งมารวมไว้แถ้งจึงได้มาเมตตาชักชวนพระมาสุลกะวุฑฒิส่อป่าวชาวเมืองทั้งมวลชวนกันมาก่อสร้างดวงพระธาตุขึ้นขุดลงลึก 12 ศอก กว้าง 8 ศอก แล้วเอาผ้าสังฆาฏิมาปูไว้ก็เป็นอันหล้าค่ำก็ชวนกันปอกไปเรือนเสี้ยงถึงมากลางคืนพยานาคก็มาเนรมิตรเทือกแก้วรองผ้าสังฆาฏิ พระยาอินตาก็มาเนรมิตรมณฑบหลังหนึ่งแล้วด้วยเหล็กเนรมิตรคะอูปแก้วลูกหนึ่งไว้แล้วถึงรุ่งแจ้งมาพระยาสุลังกะวุตติก็ชวนคนบ้านคนเมืองมาเพื่อจักจุก่อพระธาตุก็เอาเกศา 8 องค์กับธาตุดวงหนึ่ง และดูกก้ำมีดใส่คะอูปไม้รวกซ้อนคะอูปไม้จันทร์และคะอูปแก้ว อะอูปคำ อะอูปเงิน คะอูปจีน แล้วเอาตั้งไว้ตรงกลางมณฑป พระยาพราหมก็มาเนรมิตฉัตรแก้วปกกลาง อรหันตาก็มาเนรมิตผางผ้าติบเจาะบูชาไว้ 4 ทิศ บ่หื้อวอดตราบ 5000 วสา

ท้าวจตุโลกบาลก็มาเนรมิตยนต์ติ๊บไว้ 4 ด้าน พยานาคก็มาเนรมิตอุโมงค์หินโกมไว้ อรหันตาก็ไปนำเอาหิน 4 ก้อนน้ำหนักคนร้อย 1 จึงได้แลก้อนแต่ป่าหิมาพานมาจุก่อพระยาอินทร์ก็ไปเอาดินอีดเมืองลังกามาจุก่อไว้ในคืนเดียวก็แผวปากหม้อคว้ำหั้นแลถึงวันลุนรุ่งเจ้าพระสุลกะวุฑฒิเป็นเก้าเป็นประธาน พร้อมด้วยคนเมืองมาจดก่อขึ้นตั้งปากหม้อคว้ำขึ้นถึงยอดห้าแล จุก่อตั้งเดือนเจียงเป็งถึงเดือน 7 เป็งจึงแล้วแล ดังพระธาตุนั้นแบ่งเป็น 4 ส่วน ส่วนหนึ่งไว้เก็บเกศา 8 เส้นและดูกค้ำมีด 2 ส่วนนั้นแจกไปก่อไว้ หัวดอยงอยเมืองมี 7 ดวง คือจ้างเก้าปูเปียงจอมป่าใหม่หัวฝ่ายดาวบถ อ้อมแก้วป้านเมืองสำเร็จแล้ว ก็เอากระดูกคอแขงและพระธาตุไปจุไว้ที่สบยอง

ป่องน้ำของคือฟากของปายหน้าจึงได้ชื่อว่าธาตุแมวสีตราบถึงบัดนี้แลแล้วก็มาสร้างแปงพระธาตุเชียงกุมมี 4 องค์ธาตุแลคือว่าดอยผางบถ้ำหนูเหนือช้วยวันออกแห่งพระธาตุหลวงและถัดนั้นยังมีเศรษฐีสองผัวเมียอยู่บ้านห้วยราดมาขอเอาพระธาตุ 4 องค์กับเกศา 2 เส้น ไปจุไว้ที่ธาตุปูคำเมืองยู้ตราบถึงบัดนี้แลถึงเมื่อพระธาตุ 10 ดวงบัวระมวลแล้วมีพระยาสุลกวุฑฒิเป็นเก้ากว่าหัวบ้านกอนเมืองมี 28 เมืองพร้อมกันมาเล่นมหรสพตั้งเดือนเจียงเป็งถึงเดือน7เป็งจึงแล้วแล

เมื่อปีพุทธศักราชได้ 1950 จุฬศักราช 769 ค.ศ.1407 อรหันตาเจ้าทั้ง 4 เอาดินสอแก้วไปอธิษฐานตัดกิ่งไม้ศรีมหาโพธิ์อันพระพุทธเจ้าตรัสผะญ๋าในเมืองอินเดีย กิ่งปายวันออกมาปลูกเอาปายปลายปลูกลง หื้อเป็นเม่งเมืองปายทิศวันออกช้วยหนเหนือแห่งพระธาตุหลวงจอมยองแล้วเอาไม้เดื่อต้น 1 มาปลูกไว้เป็นคู่ไม้ศรีคำไกลประมาณร้อยซาววาปายวันตาไม้ศรีคำหันแลที่ปลูกไม้ศรีคำนั้นชื่อว่ายางกะเป็นดอนทรายน้ำแหลมที่ปลูกไม้เดื่อนั้นชื่อว่าหัวดอนไฮจึงได้ชื่อว่า “บ้านเดื่อหนองไฮ” เพื่ออั้นแลตั้งแต่นั้นมาได้ 7 เดือน ปาย 7 วันอรหันตาเจ้าตั้ง 4 ตน ก็ลวดนิพพานไปวันนั้นแล

ยามนั้นพระยาสุลกวุฑฒิและศรัทธาบ้านเมืองก็มาเลือกซากกระทำฌาปนกิจคือเผาไฟเสียแล้วก็เอาพระธาตุอรหันตาเจ้าทั้ง 4 ตนจุก่อเป็นเจดีย์ไว้ปายวันตกไกลประมาณ 120 วาแผวพระธาตุหั้นแล

ตั้งแต่สนั้นมาได้ 7 เดือนพญานาคตนชื่อเสนาคราชก็ขึ้นมาปทักษิณ เรียบรอบพระธาตุ 3 รอบลวดกายเป็นฮ่อมห้วยลึกไป ตราบถึงกาลบัดนี้แล ดั่งลูกพระยาสุลกวุฑฒิมี 4 คนก็ลวดได้ออกบวชได้ถึงอรหันตาเสี้ยงจุตนแลถ้าพระยาตนพ่อและนางเทวีตนแม่ก็ตั้งอยู่ตามเขตอายุแห่งตนก็ได้ถึงโสดาตายก็ได้ไปเกิดชั้นพรหมปุนแลดังพระยาอินทร์ก็อานัดหื้อเทวบุตร 4 ตน ตนหนึ่งชื่อสุรณ ตนหนึ่งสชื่อมหินิยัง ตนหนึ่งชื่อพิธิวระ ตนหนึ่งชื่อลขะณะ หื้อดูแลมหาธาตุถึงกาลสะบัดนี้แล

ปริวรรตโดยพระสภาวุฒิ ยสวฑฺฒโน

ร่วมแสดงความคิดเห็น