มือถือระเบิดจากไฟแรงสูงไม่จริง

FFFOOO-11มือถือระเบิดจากไฟแรงสูงไม่จริง

จากกระแสข่าวในโซเชียล กรณีเจ้าหน้าที่ฝ่ายช่างของวิทยุการบิน เข้าปฏิบัติงานตรวจสอบห้องเบรคเกอร์ควบคุมกระแสไฟฟ้า ขณะปฏิบัติงานได้เกิดกระแสไฟฟ้าพุ่งใส่มือถือที่ใช้ระบบไฟฉายส่องสว่างจนทำให้มือถือระเบิดจนได้รับบาดเจ็บสาหัส ที่สถานีวิทยุการบินแม่ฮ่องสอนข้อเท็จจริงเกิดจากอุปกรณ์แคลมป์มิเตอร์ชำรุด ไม่ได้เกิดจากมือถือแต่อย่างใด
เมื่อวันที่ 25 เมษายน 2559 ได้มีการเผยแพร่ข่าว กรณี ” เมื่อเวลา14.30น.(19 เม.ย.59) ขณะที่ เจ้าหน้าที่วิทยุการบิน จำนวน 2 นายคือนายประเสริฐ คำอ้วนและนายทรงพจน์ มณีคำแสง ซึ่งเดินทางไปซ่อมเครื่องยนต์กำเนิดไฟฟ้าที่สนามบินแม่ฮ่องสอนประสบอุบัติเหตุขณะปฏิบัติงานจากการใช้โทรศัพท์มือถือเปิดเป็นไฟส่องสว่างใกล้บริเวณที่มีกระแสไฟฟ้าแรงสูงทำให้โทรศัพท์ระเบิดจากกระแสไฟแรงสูงวิ่งผ่านอากาศเข้าสู่โทรศัพท์ได้รับบาดเจ็บ บริเวณมือ-แขนและใบหน้าบางส่วนถูกนำส่งรพ.ศรีสังวาลย์จังหวัดแม่ฮ่องสอนอาการของ เจ้าหน้าที่ทั้ง 2 นายขณะรายงานนี้อยู่ในขั้นปลอดภัย กระผมได้สั่งการในเบื้องต้นให้งดการนำโทรศัพท์มือเข้าไปใช้งานในบริเวณสุ่มเสี่ยงจากพื้นที่มีกระแสไฟฟ้าแรงสูงแล้วระวังครับ อย่าเอามือถือทำเป็นไฟฉายส่องตู้ไฟฟ้าที่บ้านหรือถังน้ำมัน “

 

โดยข้อความดังกล่าว ได้สร้างกระแสตระหนกตกใจอย่างรุนแรง ของผู้ที่ใช้โทรศัพท์มือถือ และพากันโทรมาหาผู้สื่อข่าวเพื่อสอบถามเรื่องดังกล่าวอย่างหนาแน่น รวมไปถึงการโทรศัพท์หาเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลศรีสังวาลแม่ฮ่องสอน , ท่าอากาศยานแม่ฮ่องสอน และ วิทยุการบินแม่ฮ่องสอน ซึ่งแต่ละหน่วยงานก็ไม่สามารถให้คำตอบได้อย่างชัดเจน ยิ่งทำให้เกิดความตระหนกมากยิ่งขึ้น

 

นายวีระวัฒน์ ทะดง ผอ.ท่าอากาศยานแม่ฮ่องสอน เปิดเผยว่า ในวันที่ 19 เมษายน ที่ผ่านมา ระบบไฟฟ้าของวิทยุการบินแม่ฮ่องสอน ที่พ่วงกับ ห้องควบคุมระบบไฟฟ้าของท่าอากาศยานแม่ฮ่องสอน ได้เกิดขัดข้อง และได้มีเจ้าหน้าที่ช่างเทคนิคด้านระบบไฟฟ้าของบริษัทวิทยุการบิน เชียงใหม่ เดินทางมาตรวจซ่อมกล่องเบรกเกอร์จ่ายระบบไฟให้แก่ สถานีวิทยุการบินแม่ฮ่องสอน และขณะที่กำลังตรวจสอบระบบไฟฟ้าอยู่นั้น ได้เกิดกล่องเบรกเกอร์ระเบิดขึ้น โดยจากการรายงานของช่างเทคนิคประจำท่าอากาศยานแม่ฮ่องสอน ระบุว่า ขณะที่ช่างของวิทยุการบินตรวจสอบอยู่นั้น ได้เปิดไฟฉายจากมือถือ เพื่อส่องสว่าง แต่ขณะนั้น อุปกรณ์ตรวจสอบระบบไฟฟ้า ที่เรียกว่า แคลมป์มิเตอร์ ได้ไปแตะกับโลหะ ของเบรกเกอร์ ทำให้เกิดระเบิดขึ้น ซึ่งช่างของท่าอากาศยาน ได้ทำการเรียกหน่วยกู้ชีพฉุกเฉินของโรงพยาบาลศรีสังวาลย์แม่ฮ่องสอนมารับตัวผู้ป่วยทั้งสองคนไปรักษา ภายหลังเกิดเหตุไม่กี่นาที
นายแพทย์วิเชียร โยธาใหญ่ แพทย์ผู้รักษาอาการของผู้บาดเจ็บ เป็นช่างของวิทยุการบิน เปิดเผยว่า ในวันดังกล่าว ทางโรงพยาบาลศรีสังวาลแม่ฮ่องสอน ได้รับตัวผู้บาดเจ็บ จำนวน 2 คน คือนายประเสริฐ คำอ้วน และ นายทรงพจน์ มณีคำแสง ซึ่งได้รับบาดเจ็บจากไฟไหม้บริเวณผิวหนังที่ แขน ฝ่ามือ และใบหน้า โดยแผลของผู้ป่วย เป็นแผลเกิดจากไฟไหม้ในระดับ 2 และ 3 คือผิวชั้นนอกถูกความร้อนหลุดล่อน และ ผิวที่ถูกความร้อนและพุพองมีน้ำด้านใน ในเบื้องต้นได้ทำการรักษาพยาบาลและต่อมาทราบว่า ผู้ป่วยทั้งสองคนมีภูมิลำเนาที่จังหวัดเชียงใหม่ จึงได้แจ้งให้ย้ายตัวไปรักษาที่โรงพยาบาลเชียงใหม่ราม เนื่องจากบาดแผลของผู้ป่วยทั้งสองคนจะต้องรักษาแผลทุกวัน โดยในวันที่คนทั้งสองมารับการรักษา ได้แจ้งต่อแพทย์ผู้รักษาว่า ได้เกิดเหตุระเบิดในห้องเบรคเกอร์ตัดต่อไฟ และไม่ได้กล่าวถึงเหตุมือถือส่องสว่างแต่อย่างใด อย่างไรก็ตามในวันที่ผู้ป่วยมารักษาตัว ไม่พบว่ามีถุงมือหนังสวมติดมือมาแต่อย่างไร
แหล่งข่าวในบริษัทวิทยุการบิน เปิดเผยว่า ตั้งแต่เช้าวันนี้ ( 25 ) ได้มีการโพสข้อความที่เกี่ยวข้องกับเรื่องภายในของบริษัทวิทยุการบินแห่งประเทศไทย จนทำให้ผู้บริหารระดับสูง ต้องเอาเรื่องดังกล่าวเข้าสู่ที่ประชุมเป็นการด่วน สาเหตุมาจากการโพสข้อความที่โยงไปว่า เหตุระเบิดห้องควบคุมไฟฟ้า ( เบรกเกอร์ ) โดยสาเหตุมาจาก ช่างได้ใช้โทรศัพท์มือถือเปิดไฟส่องสว่างในห้องเบรคเกอร์ และทำให้ไฟฟ้าจากตัวเบรกเกอร์ พุ่งเข้าหาโทรศัพท์มือถือของช่าง เป็นเหตุให้เกิดระเบิดขึ้นและช่าง ฯ ได้รับบาดเจ็บสาหัสจากเหตุมือถือระเบิด ข้อเท็จจริง เกิดจากเครื่องมือวัดกระแสไฟฟ้า หรือที่เรียกว่า แคลมป์มิเตอร์เสื่อมสภาพ เมื่อช่างนำแคลมป์มิเตอร์ไปตรวจเช็คกระแสไฟ ทำให้ขั้วของ เครื่องมือดังกล่าว ไม่มีฉนวนหุ้มและเกิดไฟฟ้าลัดวงจรที่หม้อเบรคเกอร์ และเกิดระเบิดทำให้ไฟไหม้บริเวณแขนของช่างและใบหน้า โดยในขณะปฏิบัติงานช่างไม่ได้ใส่ถุงมือที่เป็นฉนวนกันไฟฟ้า ทำให้ไฟได้ไหม้จนมือและแขนบาดเจ็บสาหัส นอกจากนั้น ระบบไฟฟ้าแรงดัน 380 โวทล์ ไม่ไช่ไฟฟ้าแรงสูง ไม่สามารถ พุ่งหามือถือได้ ฉะนั้นกรณีการโพสข้อความดังกล่าว ที่แพร่กระจายไปอย่างรวดเร็ว จึงไม่ใช่ความจริงแต่อย่างใด

ร่วมแสดงความคิดเห็น