“วัฏจักรแห่งกาลเวลาดูเหมือนจะไม่เคยหยุดนิ่ง” มันเป็นสัจธรรมที่นักเดินทางในธรรมชาติรุ่นแล้วรุ่นเล่าเฝ้าซึมซับและเข้าใจในกฏเกณฑ์นี้อย่างรู้ซึ้ง
จากฤดูร้อนเข้าสู่ฤดูฝนจนถึงฤดูหนาว ธรรมชาติยังคงทำหน้าที่ของมันอย่างซื่อสัตย์และแทบที่จะไม่เคยเปลี่ยนแปลงตัวเองไปจากกฏเกณฑ์ที่ถูกกำหนดมาเป็นเวลานานแสนนาน มนุษย์ต่างหากที่มีหน้าที่จะต้องเข้าใจในกฏเกณฑ์แห่งธรรมชาตินั้น
ผมใช้เวลาในการเดินทางผ่านสถานที่ต่าง ๆ ทั้งบ้านเรือน ป่าเขา แม่น้ำรวมถึงธรรมชาติมากมาย ผมยังจำได้ดีว่าในการเดินทางแต่ละครั้งนั้นทำให้พบพานกับหลายสิ่งหลายอย่าง ซึ่งแน่นอนในการเดินทางแต่ละครั้งทำให้ผมเป็นเพียงนักเดินทางที่ยังไม่ประสีประสาใด ๆ กับคำว่า “ธรรมชาติ” สักเท่าไร การเดินทางในธรรมชาติจึงเป็นเพียงบทเริ่มต้นของการเรียนรู้และทำความเข้าใจความเป็นไปของธรรมชาติ ซึ่งนับเป็นบทเรียนที่ยากจะหาได้ที่ใดในโลก
บนเส้นทางที่ยาวนานเหนือประสบการณ์ที่แลกมาด้วยหยาดเหงื่อ ความเหน็ดเหนื่อย อ่อนล้า ความสุขและความทุกข์รวมถึงความรู้สึกดื่มด่ำกับธรรมชาติ ผมปรารถนาที่จะเป็นกลไกในการเชื่อมโยงความรู้สึกและความเข้าใจในธรรมชาติให้กับนักเดินทางทุกคนที่มีใจรักในคำว่า “ธรรมชาติ”
จากดอยสูงเสียดฟ้าท้าทายปกคลุมไปด้วยสายหมอกชั่วนาตาปี จนถึงวันเวลาของป่าเปลี่ยนสี การเริ่มต้นของฤดูร้อนที่นำมาพร้อมกับการเบ่งบานสะพรั่งของไม้ป่าหน้าร้อนนานาชนิด จวบจนฝนเม็ดแรกของปีได้พร่างพรมปลุกชีวิตให้กับธรรมชาติอันร้อนระอุ ให้ชีวิตใหม่ของดอกไม้แทงช่อล้อสายฝนแรกแห่งฤดูกาล ขับขานเป็นท่วงทำนองของความชุ่มฉ่ำยามเข้าสู่ฤดูฝน ซึ่งเป็นฤดูของสรรพชีวิตเป็นวันเวลาแห่งฤดูกาล
เหล่านี้คือวัฏจักรและความเป็นไปของธรรมชาติ ที่นักเดินทางหลายคนเฝ้ามองดูผลผลิตของป่าด้วยหัวใจชื่นบาน
นอกจากนี้ในช่วงฤดูฝน มีกล้วยไม้พากันอวดโฉมอยู่ตามคบไม้ ไม่ว่าจะเป็นที่ดอยอินทนนท์หรือแม้แต่ดอยหลวงเชียงดาว หากแต่นักเดินทางผู้นิยมความงามของธรรมชาติทั้งหลาย คงจะต้องเดินทางกันด้วยความละเอียดอ่อนและพิถีพิถันสักหน่อย ค่อย ๆ ค้นค่อยหากันไปตามคบไม้และโขดหิน
วันเวลาแห่งฤดูกาลยังคงทำหน้าที่ของมันไปเรื่อย ๆ ฝนแรกแห่งฤดูกาลมาถึงพร้อมกับความชุ่มฉ่ำของผืนดิน ในอาณาเขตของป่า ต้นไม้น้อยใหญ่เริ่มแตกใบอ่อนจนเติบใหญ่เป็นใบหนาสีเขียวขจีไปทั้งผืนป่า ยามนี้เองที่นักเดินทางผู้รักในธรรมชาติต่างทยอยเดินทางเข้าป่าเพื่อเก็บงำเรื่องราวจากป่า ทั้งถ่ายภาพดอกไม้ เข้าไปเพื่อค้างแรมสัมผัสความเขียวขจีของป่า และยังพบพานดอกไม้ป่าหายากที่มักจะออกดอกในยามนี้เช่นกันและไม่อาจปฏิเสธได้ว่าเทือกเขาสูงใหญ่สลับซับซ้อนไกลสุดหูสุดตา คือปรากฏการณ์อย่างหนึ่งซึ่งธรรมชาติได้ใช้เวลาอย่างยาวนานในการสร้างสรรค์สิ่งมหัศจรรย์ชิ้นนี้ให้บังเกิดขึ้น จึงทำให้ดูเหมือนว่าภูเขาจะแหล่งธรรมชาติที่ยิ่งใหญ่ที่สุดอย่างหนึ่งบนผืนแผ่นดิน เป็นที่รวมของสภาพภูมิประเทศและสภาพทางธรรมชาติไว้ด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นยอดเขา ภูผา น้ำตกหรือแม้แต่ผืนป่าอันเป็นต้นน้ำลำธารและเป็นแหล่งอาศัยของสัตว์ป่านานาชนิด เช่น นก ผีเสื้อ ตลอดจนพรรณไม้ที่มีลักษณะโดดเด่นเฉพาะถิ่น นอกจากนี้ก็ไม่อาจปฏิเสธอีกได้ว่า ภูเขาแต่ละแห่งล้วนเป็นจุดชมวิวทิวทัศน์อันงดงามยิ่งอย่างไม่มีที่ใดเสมือน ด้วยสภาพอากาศที่หนาวเย็นแตกต่างไปจากผืนแผ่นดินเบื้องล่าง เป็นที่ซึ่งเราสามารถพบพรรณไม้และดอกไม้แปลกตาที่หาชมได้ยากยิ่ง รวมถึงได้ชมพระอาทิตย์ขึ้นและตกดินได้งดงามกว่าใคร ๆ
วัฏจักรแห่งฤดูกาลยังคงหมุนเวียนเปลี่ยนไปตามวันเวลาของธรรมชาติ การเดินทางครั้งแล้วครั้งเล่ายังซึมซับเรื่องราวต่าง ๆ ไว้เล่าขานให้คนรุ่นต่อไปได้รับรู้ ความผิดพลาดและสมหวังยังเป็นบทเรียนอันยิ่งใหญ่ที่ใครสักคนจะพึงพากเพียรเรียนรู้เพื่อให้เข้าใจถึงคำว่า “ธรรมชาติ” ประสบการณ์ที่สั่งสมมาด้วยกาลเวลาอันยาวนาน น่าจะเป็นเครื่องชี้นำให้ใครอีกหลาย ๆ คนจะได้ไม่ต้องมาเรียนผิดเรียนถูกกันอีก
การเดินทางท่องเที่ยวสู่ภูเขาจึงเป็นเรื่องที่ท้าทายอย่างยิ่งสำหรับนักเดินทางมาทุกยุคทุกสมัย เป็นความทรงจำอันวิเศษที่จะได้ใช้ชีวิตในท่ามกลางธรรมชาติที่พิเศษสุดอย่างไม่มีที่ใดเทียบ
แต่กระนั้น ใครเล่าจะเฝ้าให้คำตอบได้ว่า ฤดูกาลเหล่านี้จะยังทำหน้าที่ของมันได้อย่างเที่ยงตรงไปอีกนานสักเท่าไร ตราบที่ธรรมชาติยังคงถูกมนุษย์รบกวนอย่างไม่มีวันจบสิ้นเช่นนี้
จักรพงษ์ คำบุญเรือง
[email protected]
ร่วมแสดงความคิดเห็น