จัดตั้งกองทุนพัฒนา เอสเอ็มอีท้องถิ่นโต

เตรียมชง ครม.เคาะจัดตั้งกองทุนเพื่อพัฒนาเอสเอ็มอีในแนวทางประชารัฐ วงเงิน 2 หมื่นล้านบาท เล็งปล่อยกู้ซอฟต์โลน-ลงขันให้ผู้ประกอบการ ก.อุตฯ เตรียมพัฒนาเอสเอ็มอีท้องถิ่น นำร่อง 9 พื้นที่

นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยภายหลังการประชุมหารือแนวทางการบูรณาการการจัดตั้งกองทุนพัฒนาเอสเอ็มอีตามแนวประชารัฐ ร่วมกับ รมว.การคลัง และ รมว.อุตสาหกรรม ว่า ได้ให้นโยบายสำคัญ 2 เรื่อง คือ

1.ให้ดำเนินการตามนโยบายรัฐบาลมุ่งเน้นความสำคัญของกลุ่มจังหวัดในอนาคตที่จะมีทั้งการอัดฉีดงบประมาณ การขับเคลื่อนเศรษฐกิจ โดยพัฒนาจากกลุ่มจังหวัดมากขึ้น ซึ่งจะต้องมีหน่วยงานร่วมระหว่างภาครัฐ ภาคเอกชน และมหาวิทยาลัยที่เป็นศูนย์กลางประจำแต่ละจังหวัดเพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (เอสเอ็มอี) อย่างบูรณาการมากขึ้น

เรื่องที่ 2.กระทรวงการคลังเตรียมจัดตั้งกองทุนเพื่อพัฒนาเอสเอ็มอีในแนวทางประชารัฐ ร่วมกับกระทรวงอุตสาหกรรม เพื่อพัฒนา ช่วยเหลือผู้ประกอบการเอสเอ็มอี ซึ่งจะเป็นการปรับโครงสร้างเอสเอ็มอีครั้งใหญ่ ที่ไม่ได้เป็นการให้เฉพาะสินเชื่อ แต่ต้องการให้เกิดผู้ประกอบการเอสเอ็มอีเต็มพื้นที่ทุกกลุ่มจังหวัดในระบบเศรษฐกิจไทย โดยเฉพาะเด็กจบใหม่ที่ยังมีความตื่นตัวในการทำธุรกิจ ต้องสนับสนุนให้สามารถกลับไปตั้งต้นเป็นเอสเอ็มอีในภูมิลำเนาได้ โดยเฉพาะอนาคตที่จะไม่เน้นช่วยเหลืออุตสาหกรรมอย่างเดียว แต่จะดูแลเอสเอ็มอีเกษตร ท่องเที่ยว และบริการ ที่กำลังเติบโตมากขึ้น

นายอุตตม สาวนายน รมว.อุตสาหกรรม เปิดเผยว่า ในวันที่ 17 ม.ค.2560 จะมีการเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาจัดตั้งกองทุนเพื่อพัฒนาเอสเอ็มอีในแนวทางประชารัฐวงเงิน 2 หมื่นล้านบาท โดยใช้เงินจากงบกลางปีงบประมาณ 2560 เพื่อสนับสนุนเอสเอ็มอี โดยหลังจากผ่านความเห็นชอบจาก ครม.แล้ว คาดว่าโครงสร้างกองทุนฯ จะแล้วเสร็จภายใน 2 เดือน ซึ่งระหว่างนี้จะต้องมีการหารือร่วมกับธนาคารเฉพาะกิจของรัฐ เช่น ธนาคารออมสิน ธนาคารกรุงไทย ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) เพื่อกำหนดมาตรการ เช่น สินเชื่อซอฟต์โลน การร่วมลงทุนกับผู้ประกอบการ เป็นต้น โดยจะออกมาเป็นแพ็กเกจพร้อมกันทั้งหมด

ทั้งนี้ กองทุนจะดูแลผู้ประกอบการ 3 กลุ่ม คือ 1.กลุ่มเริ่มทำธุรกิจใหม่ แต่มีเงินลงทุนไม่พอ 2.กลุ่มธุรกิจที่ต้องการเงินทุนสำหรับยกเครื่องหรือปรับเปลี่ยนโครงสร้างธุรกิจ และ 3.กลุ่มธุรกิจที่มีศักยภาพแต่มีปัญหา

นอกจากนี้ ที่ประชุมได้แต่งตั้งทีมงานศึกษาพื้นที่เป้าหมาย สินค้าและบริการที่มีศักยภาพนำร่องแนวทางพัฒนาและยกระดับผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (เอสเอ็มอี) เพื่อสร้างความเข้มแข็งให้กับประเทศ ตามแผนการขับเคลื่อนเศรษฐกิจท้องถิ่นไทย (โลคอล อีโคโนมี) ให้แล้วเสร็จนำกลับมาเสนอที่ประชุมคณะกรรมการแนวทางบูรณาการฯ อีกครั้งภายในสัปดาห์หน้า

“เบื้องต้นมอบหมายให้กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม (กสอ.) ไปศึกษา 9 พื้นที่ที่มีศักยภาพนำร่อง ต.ออนใต้ จ.เชียงใหม่ บ้านขัวแต๊ะ ต.บ้านน้ำเกี๋ยน จ.น่าน บ้านนาต้นจัน จ.สุโขทัย บ้านเชียง จ.อุดรธานี บ้านศาลาดิน จ.นครปฐม ต.ปากน้ำประแส จ.ระยอง ต.นาดี จ.กระบี่ เกาะยอ จ.สงขลา และเกาะเกร็ด จ.นนทบุรี” นายอุตตมกล่าว

ร่วมแสดงความคิดเห็น