ธุรกิจอาหาร-เครื่องดื่มมาแรง น่าลงทุนเปิดมากที่สุดในปี60


กสอ. แนะนักลงทุนสำหรับ 5 ธุรกิจมาแรงปี 60 หนุนการตัดสินใจ ทั้งอาหารและเครื่องดื่ม ธุรกิจฮาลาล เครื่องสำอางแฟนชั่น การค้าออนไลน์ และธุรกิจเพื่อผู้สูงวัย พร้อมเสริมโครงการยกระดับความสามารถการแข่งขันให้กับเอสเอ็มอี
นายพสุ โลหารชุน อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม(กสอ.) เปิดเผยว่า กสอ. ในฐานะผู้ส่งเสริม สนับสนุน และพัฒนาธุรกิจอุตสาหกรรม จึงได้รวบรวมเทรนด์ธุรกิจที่มีแนวโน้มเติบโตรับความต้องการของผู้บริโภคในปี 2560 เพื่อเป็นทางเลือกในการตัดสินใจในการลงทุนดำเนินธุรกิจ อันดับแรกคือ ธุรกิจอาหารและเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ ผลิตภัณฑ์อาหารและเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ
“ที่ได้รับการตอบรับที่ดี คืออาหารที่มาจากธรรมชาติและดีต่อสุขภาพ ผลิตภัณฑ์อาหารเสริม และ อาหารและเครื่องดื่มเพื่อการควบคุมน้ำหนัก สำหรับปี 2560 มีการคาดการณ์ไว้ว่ามูลค่าตลาดของอาหารและเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพจะมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น โดยอาจสูงถึง 1 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ ” นายพสุกล่าว
อันดับที่สองธุรกิจและบริการด้านฮาลาล ซึ่งจากข้อมูลปี 2559 ตลาดอาหารฮาลาลถือว่ายังคงมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยมีมูลค่าประมาณ 829,000 ล้านเหรียญสหรัฐ และมีการคาดการณ์ว่าจะสามารถขยายตัวได้ถึง 1.6 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ ในปี 2561
นอกจากนี้ยังมีธุรกิจความงาม เครื่องสำอาง และแฟชั่น ซึ่งมีทิศทางการเติบโตที่สวนกระแสเศรษฐกิจทั้งในระดับประเทศและระดับโลกไม่ว่าจะเป็นผลิตภัณฑ์เพื่อการดูแลร่างกาย อาหารเสริม ผลิตภัณฑ์เพื่อการตกแต่ง คลินิกและสถาบันเสริมความงามต่างๆ ที่กระจายตัวอยู่ตามพื้นที่ทั่วไปและพบเห็นได้มากขึ้น
ตลอดจนธุรกิจแฟชั่นก็มีการเติบโตที่ดีอย่างต่อเนื่อง ที่ถือว่ามีมูลค่าตัวเลขที่น่าสนใจไม่น้อย โดยในปี 2559 ประเทศไทยมีการขยายตัวสู่หลัก 7 แสนล้านบาท ส่วนอุตสาหกรรมเครื่องสำอางก็มีแนวโน้มว่าจะสามารถขยายตัวในปีนี้ได้ไม่ต่ำกว่า 10% จากเดิมที่มีมูลค่ากว่า 210,000 ล้านบาท
นอกจากนี้ยังมี ธุรกิจการค้าและการบริการผ่านระบบออนไลน์ ที่ผู้ประกอบการต้องสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคที่มีอย่างไม่รู้จบ อีกทั้งยังต้องสร้างความแตกต่างและความแปลกใหม่ให้เกิดขึ้นกับสินค้าหรือการบริการไม่ว่าจะเป็น ซึ่งหากตรงกับพฤติกรรมของผู้บริโภคมากเท่าไหร่ก็จะยิ่งประสบความสำเร็จเพิ่มตามไปด้วย และธุรกิจเพื่อผู้สูงวัย เนื่องจากผู้บริโภคในกลุ่มนี้ถือเป็นกลุ่มที่มีกำลังซื้อในอัตราที่สูง มีอำนาจต่อรอง และมีความต้องการในการอุปโภคบริโภคในหลากหลายกลุ่มสินค้า
อย่างไรก็ตาม ผู้ประกอบการที่ต้องการดำเนินธุรกิจในด้านนี้จะต้องปรับกระบวนการการผลิตและบริการให้สอดคล้องกับความต้องการเฉพาะด้านของกลุ่ม ไม่ว่าจะเป็นการใช้งานที่ง่าย ไม่ซับซ้อน ตอบโจทย์คุณค่าและคุณประโยชน์ที่ครบถ้วน
ทั้งนี้ในปัจจุบัน กสอ. มีโครงการต่างๆ ที่ส่งเสริมและพัฒนาผู้ประกอบการ อาทิ โครงการพัฒนาอุตสาหกรรมดิจิทัลและใช้ประโยชน์จากดิจิทัล, การพัฒนาผลิตภัณฑ์เพื่อให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาด, พัฒนาอุตสาหกรรมแฟชั่นและไลฟ์สไตล์, พัฒนาอุตสาหกรรมฮาลาล ฯลฯ ซึ่งคาดว่าจะสามารถยกระดับความสามารถการแข่งขันให้กับเอสเอ็มอีได้อย่างแน่นอน.

ร่วมแสดงความคิดเห็น