หมอกควันเริ่มปกคลุมเชียงใหม่แล้ว ดอยสุเทพฯ มองทิวทัศน์ในตัวเมืองไม่ชัดเจน

หมอกควันเริ่มปกคลุมพื้นที่ตัวเมืองเชียงใหม่แล้ว ดอยสุเทพฯ เริ่มมองไม่เห็นทิวทัศน์ในตัวเมือง ขณะที่ค่าฝุ่นละอองยังไม่วิกฤต ด้านพ่อเมืองขอความร่วมมือประชาชนช่วยกันกำชับการเผาในพื้นที่ พร้อมจัดสรรงบประมาณให้ทุกอำเภอเพื่อเน้นการทำแนวกันไฟ เน้นย้ำหากพบลักลอบเผาป่าต้องดำเนินคดีตามกฎหมาย

วันที่ 16 ก.พ.60 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สถานการณ์หมอกควันเริ่มเข้าปกคลุมตัวเมืองเชียงใหม่ ล่าสุดช่วงบ่ายวันนี้ทางผู้สื่อข่าวได้เดินทางขึ้นไปสังเกตุการณ์พบว่า จากตัวเมืองเชียงใหม่เมื่อมองไปยังด้านทิศตะวันตกของเมืองพบว่ามีหมอกควันสะสมหนาตัวขึ้นจนทำให้เห็นดอยสุเทพ ได้เลือนลางเท่านั้น ซึ่งปกติจะเป็นชัดเจนจนถึงวัดพระธาตุดอยสุเทพ และตัวองค์พระธาตุอย่างชัดเจนเมื่อสภาพอากาศปกติ ขณะเดียวกันเมื่อขึ้นไปยังจุดชมวิวของดอยสุเทพแล้วมองลงมาด้านล่างก็พบว่าทัศนวิสัยในการมองเห็นนั้นก็ลดลง่นกัน โดยจะสามารถสังเกตุเห็นหมอกควันสีขาวได้อย่างชัดเจน ซึ่งถือว่าเป็นอีกหนึ่งดัชนีวัดคุณภาพอากาศของเมืองเชียงใหม่ ที่เริ่มเข้าสู่ช่วงของความผิดปกติของสภาพอากาศ นอกจากนี้ในช่วงเช้าประชาชนส่วนหนึ่งที่ต้องออกมาทำกิจกรรม โดยเฉพาะผู้ที่ขับขี่รถจักรยานยนต์ก็เริ่มหาหน้ากากอนามัยมาสวมใส่เพื่อป้องกันสุขภาพจากฝุ่นควัน แต่โดยภาพรวมยังถือว่าสภาพอากาศของเมืองเชียงใหม่ยังอยู่ในเกณฑ์ปกติ คุณภาพอากาศยังไม่เกินค่ามาตรฐาน โดยข้อมูลจากกรมควบคุมมลพิษ จากผลการตรวจวัดคุณภาพอากาศจากสถานีตรวจวัดคุณภาพอากาศบริเวณ ต.ช้างเผือก เวลา 09.00 น. พบว่าปริมาณฝุ่นละออง ขนาดไม่เกิน 10 ไมครอน (PM10) มีค่าอยู่ที่ 105 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร โดยหลังจากนั้น ค่าฝุ่นควันก็มีแนวโน้มลดลงเรื่อยๆ แต่ค่าเฉลี่ย 24ชม. ยังอยู่ในระดับดี

อย่างไรก็ตาม ในส่วนของการดำเนินการมาตรการป้องกันแก้ไขปัญหาหมอกควันไฟป่าขณะนี้ทางจังหวัดก็ได้มีการเน้นย้ำกำชับขอความความร่วมมือไปยังทุกอำเภอ ตำบล และหมู่บ้านของจังหวัดเชียงใหม่ ในการช่วยกันรณรงค์ประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนตระหนักถึงผลกระทบของปัญหาที่จะมีต่อทั้งสุขภาพอนามัยของประชาชน สิ่งแวดล้อม การท่องเที่ยวและเศรษฐกิจของเชียงใหม่ เพื่อที่จะได้ช่วยกันลดการเผาทุกชนิด นอกจากนี้ยังได้มีการตั้งรางวัลนำจับให้กับผู้ที่แจ้งเบาะแสการเผาทุกชนิดจนกระทั่งสามารถจับกุมและดำเนินคดีกับผู้ที่ก่อเหตุ ซึ่งคาดว่าน่าจะช่วยทำให้ผู้คนเกิดความตื่นตัวในการสอดส่องดูแลป้องกันการเผามากขึ้น

ขณะที่ ทางด้าน นายปวิณ ชำนิประศาสน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ เปิดเผยว่า จังหวัดเชียงใหม่ได้ดำเนินการ 3 ขั้นตอนในการรับมือปัญหาหมอกควันไฟป่า ระหว่างเดือนพฤศจิกายน 2559 – 20 กุมภาพันธ์ 2560 อยู่ในขั้นตอนการป้องกัน โดยบูรณาการทุกภาคส่วน ให้จัดเตรียมบุคลากร เครื่องมือ งบประมาณ รวมทั้งให้ไปดูความเหมาะสมเรื่องการชิงเผา และทำแนวกันไฟตามความเหมาะสมของสภาพพื้นที่ และได้มีการกำชับอย่างเด็ดขาดว่า ในระหว่างที่มีพระบรมวงศานุวงศ์เสด็จปฏิบัติพระราชกรณียกิจในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ โดยเฉพาะในระหว่างวันที่ 15 – 28 กุมภาพันธ์ 2560 สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์อัครราชกุมารี จะเสด็จฯ ทรงงานในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ ขอความร่วมมือทุกหน่วยงาน และประชาชนทุกพื้นที่ห้ามเผาโดยเด็ดขาด

ขั้นตอนที่ 2 ในช่วงการรับมือ ระหว่างวันที่ 20 กุมภาพันธ์ – 20 เมษายน 2560 จังหวัดเชียงใหม่ได้กำหนดช่วงเวลาห้ามเผาเด็ดขาด ภายใต้ชื่อ “60 วันห้ามเผาเราทำได้ เพื่อเชียงใหม่ไร้หมอกควัน” โดยตั้งศูนย์อำนวยการสั่งการแก้ไขปัญหาหมอกควันไฟป่า ทั้งในระดับจังหวัด ระดับอำเภอ และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เพื่อติดตามสถานการณ์ รับแจ้งเหตุ ตลอด 24 ชั่วโมง ทางหมายเลขโทรศัพท์ 053-112236 และ หมายเลข 191 พร้อมจัดชุดลาดตระเวน และชุดปฏิบัติการเข้าดับไฟทันที หากมีผู้ฝ่าฝืนจะบังคับใช้กฎหมายลงโทษอย่างเฉียบขาด โดยตั้งรางวัลนำจับสำหรับผู้แจ้งเบาะแสเพื่อนำไปสู่การจับกุมผู้กระทำผิด รายละ 5,000 บาท

สำหรับขั้นตอนสร้างความยั่งยืน เริ่มตั้งแต่วันที่ 20 เมษายน เป็นต้นไป ถึงแม้จะพ้นระยะเวลาประกาศช่วงเวลาห้ามเผาเด็ดขาดไปแล้ว หากผู้ใดต้องเผา หลังวันที่ 20 เมษายน 2560 ต้องขออนุญาตจากนายอำเภอก่อนทุกครั้งเพื่อควบคุมการเผาในที่โล่งไม่ให้ลุกลาม และไม่ให้มีปัญหาเช่นเดียวกับปีที่ผ่านมา ขณะเดียวกันให้ทุกภาคส่วนบูรณาการความร่วมมือดำเนินการตามโครงการพระราชดำริฯ ในการอนุรักษ์ฟื้นฟูสภาพป่าไม้ โดยเฉพาะโครงการปลูกป่าในใจคน การปลูกป่าโดยไม่ต้องปลูก การทำฝายชะลอน้ำแบบผสมผสานในพื้นที่เหนือเขื่อน อ่างเก็บน้ำทุกแห่ง เพื่อพลิกฟื้นผืนป่าให้กลับมามีสภาพสมบูรณ์ ส่งผลให้เกิดประโยชน์ต่อประชาชน

ร่วมแสดงความคิดเห็น