รมว.เกษตรฯ มอบนโยบายหน่วงาน จี้ให้บูรณาการ เร่งสร้าง Smart Farme

วันที่ 17 ก.พ.60 เวลา 14.00 น. ที่ห้องประชุมสำนักชลประทานที่ 1 เชียงใหม่ พลเอกฉัตรชัย สาริกัลยะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พร้อมคณะได้เดินทางมาประชุมหัวหน้าส่วนราชการของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ในพื้นที่ จ.เชียงใหม่ โดยมี นายจานุวัตร เลิศศิลป์เจริญ ผู้อำนวยการสำนักงานชลประทานที่ 1 เชียงใหม่ ให้การต้อนรับ พร้อมด้วยข้าราชการหน่วยงานของกระทรวงเกษตร

พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวหลังจากเสร็จสิ้นการประชุมข้าราชการสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ในพื้นที่ จ.เชียงใหม่ ว่า กระทรวงเกษตรและสหกรณ์มีนโยบายสำคัญที่จะให้เกษตรกรของประเทศไทยทั้งหมดเกิดประสิทธิภาพในการทำการเกษตร มีเป้าหมายสำคัญคือต้องการให้เกษตรกรทำเกษตรแบบประณีต ทำเกษตรอย่างมีประสิทธิภาพ ทำเกษตรแล้วได้ผลผลิตอย่างมีคุณภาพจริงๆ ในขณะเดียวกันต้องลดต้นทุนลงให้ได้ การที่จะไปถึงเป้าหมายเช่นว่านี้กระทรวงเกษตรฯ ก็จะต้องปรับกระบวนการทำงาน ซึ่งวางหลักในการทำงานไปยังพื้นที่เป้าหมายเป็นหลัก หรือ Area Based โดยมีเป้าหมายเดียวกันทั้งหมดในทุกหน่วยงานของกระทรวงเกษตรฯ ซึ่งนั่นหมายถึงทุกหน่วยงานของกระทรวงเกษตรฯ ในทุกพื้นที่ต้องบูรณาการทำงานร่วมกัน และใช้แผนงานเดียวกัน

การทำงานก็จะปรับเปลี่ยนจากที่เคยทำงานเฉพาะหน้าที่ที่มีอยู่ เป็นการทำงานร่วมกันในทุกหน่วยงานในพื้นที่เดียวกัน
“วันนี้การทำเกษตรจะทำแบบเดิมๆ อีกไม่ได้ เกษตรกรจะต้องปรับตัวเป็นการทำการเกษตรร่วมกันซึ่งเรียกว่า เกษตรแปลงใหญ่ ปี 2559 มีพื้นที่เกษตรแปลงใหญ่ 600 แปลง สัมฤทธิ์ผลตามเป้าหมายแล้ว 480 แปลง ซึ่งสามารถลดต้นทุการผลิตได้ราว 15-20 เปอร์เซ็นต์ และสามารถเพิ่มผลผลิตได้อีกด้วย สามารถสร้างมูลค่าให้แก่ผลผลิตเพิ่มมากขึ้นจากการทำเกษตรแบบเดิมราว 4,000 กว่าล้านบาท โดยทั้ง 480 แปลงใหญ่ทั้งประเทศที่ประสบความสำเร็จนี้มีทั้งประมง ปศุสัตว์ พืชไร่ พืชสวน สามารถลดต้นทุนการผลิตลงได้จริง ข้าวที่เคยมีต้นทุนอยู่ราว 4,000 กว่าบาท ลดเหลือ 3,000 กว่าบาท ซึ่งชี้ให้เห็นชัดว่าการทำเกษตรแปลงใหญ่สามารถลดต้นทุน เพิ่มผลผลิตได้จริง” รมว.เกษตรและสหกรณ์ กล่าว

พล.อ.ฉัตรชัยฯ กล่าวอีกว่า กระทรวงเกษตรฯ ได้ตั้งเป้าหมายสำหรับการที่จะให้มีเกษตรแปลงใหญ่เพิ่มขึ้นในอีก 5 ปี ตั้งแต่ปี 2560-2564 กำหนดไว้ว่าประเทศไทยต้องมีเกษตรแปลงใหญ่ไม่น้อยกว่า 7,000 แปลงใหญ่ และการที่จะทำเกษตรแปลงใหญ่ได้นั้นจะต้องเกิดจากความร่วมมือของทุกภาคส่วน ทั้งเกษตรกรเอง และเจ้าหน้าที่ของกระทรวงเกษตรฯ ที่จะต้องลงไปช่วยในการทำเกษตรแปลงใหญ่สัมฤทธิ์ผล

รมว.เกษตรและสหกรณ์ กล่าวต่อว่า เกษตรกรวันนี้จะต้องก้าวไปสู่การเป็น Smart Farmer ให้ได้ เพราะเกษตรแบบเดิมนั้นไม่สามารถตอบโจทย์ในสภาวะที่เปลี่ยนแปลงไปทั้งคน อากาศ และเรื่องของทรัพยากร จะต้องปรับตัวให้เป็นเกษตรกรที่มีความรู้ความเข้าใจในรอบด้าน ที่เรียกกันว่า Smart Farmer ในขณะเดียวกันข้าราชการของกระทรวงเกษตรฯ ที่จะลงไปเป็นพี่เลี้ยงให้เกษตรกรก็จะต้องมีการปรับตัวทำให้ตัวเองเป็น Smart Officer ด้วย หากเจ้าหน้าที่ของกระทรวงเกษตรฯ ยังไม่มีความรู้ใหม่ๆ ยังไม่สามารถนำองค์ความรู้ในด้านต่างๆ เข้าไปช่วยเกษตรกรให้เป็น Smart Farmer ได้ ก็ต้องทบทวนตัวเอง

ร่วมแสดงความคิดเห็น