สุดยื้อเด็กหัวโต ‘น้องภู’ ไปดีแล้ว

“น้องภู” เด็กป่วยน้ำคั่งในสมอง ศีรษะโตผิดปกติวัดรอบได้กว่า 1 เมตร เสียชีวิตลงแล้วอย่างสงบ ด้วยอายุ 3 ขวบ 1 เดือน หลังพ่อและแม่ขอความช่วยเหลือผ่านสื่อจนได้รับธารน้ำใจจากชาวไทย และต่างชาติเข้าช่วยเหลือจุนเจือ ด้านพ่อแม่ฝากขอบคุณทุกน้ำใจที่ช่วยเหลือจนน้องไปสู่สุขติหมดทุกข์ทรมาน พร้อมตั้งหน้าทำบุญอุทิศจนเพื่ออุทิศส่วนกุศลให้ลูกชาย

จากกรณีที่ทางผู้สื่อข่าวได้เคยนำเสนอเรื่องราวขอความช่วยเหลือครอบครัวของ เด็กแรกเกิดป่วยเป็นโรคศีรษะใหญ่ผิดปกติหรือที่เรียกว่า โรคน้ำคั่งในโพรงสมอง น้องภู หรือ ด.ช.ภูตะวัน สุภาพันธ์ มีลักษณะศีรษะใหญ่ผิดปกติวัดขนาดรอบเส้นผ่านศูนย์กลางมากกว่า 100 เซ็นติเมตร โดยมี นางเสาวรัตน์ สุภาพันธ์ อายุ 33 ปี มารดาของเด็ก พร้อมทั้ง นายอนันตชัย สุภาพันธ์ บิดา คอยดูแลอย่างใกล้ชิดต่อเนื่อง โดยจากการตรวจสอบพบว่าเด็กที่ป่วยเป็นโรคนี้เริ่มมีขนาดศีรษะที่ขยายใหญ่ขึ้นอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ยังมีบาดแผลกดทับที่หลังศีรษะจากน้ำหนักของศีรษะที่ขยายใหญ่ขึ้นต่อเนื่อง ซึ่งหลังจากที่นำเสนอข่าวไปเมื่อเกือบ 2 ปีที่ผ่านมา ก็มีน้ำใจชาวไทยรวมทั้งจากต่างชาติหลั่งไหลไปช่วยเหลือกับครอบครัวโดยเฉพาะเรื่องของการจุนเจือเรื่องค่าใช้จ่ายในการดูแลรักษาค่าพยาบาลให้น้อง และให้กำลังใจกับครอบครัวที่ต้องดูแลน้องอย่างใกล้ชิด

จนกระทั่งล่าสุดศีรษะของน้องภู โตขึ้นจนมีขนาดวัดรอบได้กว่า 120 เซนติเมตร มีความกว้างกว่า 60 เซนติเมตร อีกทั้งน้องมีบาดแผนกดทับด้านข้างศีรษะทั้ง 2 ข้างขนาดใหญ่ และเมื่อ 1-2 สัปดาห์ ที่ผ่านมาน้องเริ่มมีอาการผิดปกติ ไม่กินอาหาร และนม จนร่างกายเริ่มอ่อนแรง บางช่วงน้ำตาไหลออกมาเป็นสายเลือด แต่น้องก็เข้มแข็งไม่ได้ร้องให้แสดงอาการเจ็บปวดให้กับพ่อแม่เห็นตลอดในช่วง 3 ปีกว่าของการดูแลน้อง จนกระทั่งเมื่อ วันที่ 18 ก.พ. ที่ผ่านมา น้องภูก็จากครอบครัวไปด้วยอาการสงบ ซึ่งทางครอบครัวก็ได้จัดพิธีบำเพ็ญกุศลที่บ้านเลขที่ 61/2 ซึ่งเป็นบ้านใหม่ของครอบครัว ที่สร้างขึ้นหวังให้น้องได้อยู่บ้านใหม่ จากเงินช่วยเหลือของหลายๆ ฝ่าย และน้ำพักน้ำแรงของครอบครัว แม้บ้านจะยังสร้างไม่เสร็จแต่ก็พาน้องภูเข้าอยู่ และทยอยสร้างต่อเนื่องแต่ก็เสร็จไม่ทันน้องภูก็มาเสียชีวิตลงก่อน

สำหรับศพของน้องตั้งบำเพ็ญกุศลที่บ้าน ซึ่งต้องใช้โลงศพขนาดใหญ่เนื่องจากศีรษะของน้องมีขนาดใหญ่กว่า 60 เซนติเมตร ซึ่งครอบครัวจะทำพิธีฌาปณกิจศพน้องภูในวันที่ 23 ก.พ. นี้ ขณะเดียวกันทางครอบครัวได้ฝากขอบคุณทางสื่อมวลชน และน้ำใจของประชานทุกคนที่ช่วยเหลือทั้งทางด้านปัจจัย และกำลังใจ เชื่อว่าน้องไปสู่สุขติไม่ต้องทุกข์ทรมานอีกแล้วทางครอบครัวก็จะเดินหน้าอุทิศตนทำงานเพื่อสังคม และทำความดีเพื่อเป็นการอุทิศส่วนบุญส่วนกุศลให้ลูกชายกันไปตลอดทั้งชีวิต