หัวร้อน! อ.เฉลิมชัยเดือด เจอทีเด็ดทุนจีน ผลิตช็อกโกแลต ตราวัดร้องขุ่น

 

…เอาอีกแล้วทุนจีนเอารูป วัดร่องขุ่น ขายช็อกโกแลต อ.เฉลิมชัย โวยขู่ฟ้อง…

เมื่อวันที่ 23 ก.พ.60 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่วัดร่องขุ่น ต.ป่าอ้อดอนชัย อ.เมือง จ.เชียงราย อ.เฉลิมชัย โฆฆิตพิพัฒน์ ศิลปินแห่งชาติ และผู้สร้างศิลปะวัดร่องขุ่นที่โด่งดัง ได้นำกล่องผลิตภัณฑ์ขนมช็อกโกแลตออกมาแสดงต่อสื่อมวลชน เพื่อประกาศว่า ในปัจจุบันศิลปะวัดร่องขุ่นได้ถูกละเมิดลิทธิ์ โดยกล่องดังกล่าว มีขนาดกระทัดรัด พอถือระบุเป็นกล่องช็อกโกแลตที่ผลิตโดย “ล็อตเต้ ซางไฮ ฟู๊ดส์ ประเทศจีน” และนำเข้าและจัดจำหน่ายโดยบริษัทชิโน-แปซิฟิค เทรดดิ้ง (ไทยแลนด์) จำกัด เลขที่ 122/2-3 ถ.นนทรี เขตยานนาวา กทม. ข้างกล่องมีรายละเอียดเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์อื่นๆ ทั้งส่วนผสม วันเวลาการผลิตและหมดอายุ และอื่นๆ

กล่องมีปริมาณสุทธิ 196 กรัม จำหน่ายในราคากล่องละ 199 บาท ภายในบรรจุช็อกโกแลตก้อนเล็กเป็นช่องๆ ประมาณ 21 ช่องพร้อมการห่อหุ้มอย่างดี และสิ่งที่อ.เฉลิมชัย ระบุว่า เป็นการละเมิดลิขสิทธิ์คือ ภาพวัดร่องขุ่นที่ระบุหน้ากล่อง ซึ่งเป็นภาพถ่ายจากด้านข้างสระน้ำของอุโบสถขาว ซึ่งเป็นสถาปัตยกรรม ปฏิมากรรม และจิตรกรรมหลักภายในวัดร่องขุ่นอันงดงาม โดยมีการระบุชื่อวัดร่องขุ่นเป็นชื่อกล่องผลิตภัณฑ์ เอาไว้ด้านล่างซ้าย ด้วยอักษรภาษาอังกฤษสีทองบนพื้นทองอย่างชัดเจน ส่วนมุมบนขวา และมุมล่างซ้ายมีศิลปะตกแต่งให้ดูสวยงามด้วย

โดย อ.เฉลิมชัย ระบุว่าได้มีผู้พบเห็นกล่องช็อกโกแลตดังกล่าว ถูกวางจำหน่ายไปทั่ว ทั้งที่สนามบิน ศูนย์การค้าเซ็นทรัล ร้านค้าสะดวกซื้อ ห้างสรรพสินค้า ฯลฯ โดยมีการนำภาพดังกล่าว ที่ระบุชื่อวัดร่องขุ่นเอาไว้อย่างชัดเจน ระบุบนกล่อง ซึ่งถือเป็นเรื่องที่น่าเจ็บอกเจ็บใจเป็นอย่างมาก เพราะตนไม่อยากให้มีการละเมิดลิขสิทธิ์ เพราะมีกรณีคนใช้ปัญญาคิดค้นเรื่องใดเรื่องหนึ่งขึ้นมา แล้วกลับถูกกลุ่มคน นำไปลอกเลียนแบบแล้ว ทำให้เขาเสียหาย หรือเจ๊งมาแล้ว และถือว่าการลอกของๆ คนอื่นไป ไม่เป็นการเคารพเจ้าของลิขสิทธิ์ โดยเฉพาะด้านศิลปะ ที่คนสร้างเขาทุ่มเทด้วยความรักและศรัทธา โดยเฉพาะศิลปะวัดร่องขุ่น สร้างขึ้นโดยมอบให้กับประเทศชาติและคนไทยทุกคน แต่กลับมีคนนำเอาไปทำมาหากินไปเสีย ครั้นจะมาอ้างว่าไม่รู้กฎหมายคงไม่ได้เพราะก็เห็นกันอย่างชัดเจนเช่นนี้แล้ว

อ.เฉลิมชัย กล่าวว่า ปัจจุบันมีผู้เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์นี้ โทรศัพท์ไปหาตนผ่านทางญาติๆ แล้วเพื่อขอเจรจาโดยอ้างว่าใช้ภาพลิขสิทธิ์จากภาพถ่าย แต่ตนเห็นว่าเป็นคนละเรื่องกัน เพราะถือว่า เป็นการเอาศิลปะนี้ไปทำมาหากินไม่ได้เอาไปเพื่อชื่นชม หรือเพื่อสาธารณกุศล ดังนั้น การจะเอาไปใช้เช่นนี้ จะต้องมาขออนุญาตตนก่อน ซึ่งตามปกติ หากมีการนำไปใช้เพื่อสาธารณกุศล บริจาคทาน ฯลฯ ตนก็ไม่เคยขัดข้องหรือหากประสงค์จะเอาศิลปะของตนที่มีอยู่แล้วไปใช้ ก็ต้องรอให้ตนเสียชีวิตไปแล้วเป็น เวลา 50 ปีเสียก่อน แต่หากตนยังคงอยู่ ก็ขอให้มาคุยกันก่อนว่าจะแบ่งปันเพื่อสาธารณกุศลอย่างไร เช่น บริจาคให้เด็กกำพร้า บ้านพักเด็ก นำไปประกอบหนังสือธรรมะ ฯลฯ ขณะที่ส่วนตัวของตนแล้วไม่ต้องการสิ่งใดเลย

“แต่นี่กลับเอาวัดมาขายช็อกโกแลต คนทำแม้จะทำในจีนแต่ก็เป็นคนไทยนี่แหละที่ทำ แล้วก็เป็นคนรวยอยู่แล้วด้วย จะเอาร่ำรวยและเอาเปรียบคนอื่นไปถึงไหนกัน รวยแล้วก็ยังอยากจะรวยอีก วัดร่องุข่นเป็นของประชาชน แม้แต่ครอบครัวของผมก็ไม่ได้รับอนุญาตให้เอาวัดไปตั้งร้านค้า หรือเข้าไปค้าขายภายในวัด ปัจจุบันจึงมีนักกฎหมายมากมาย ที่เข้าขอฟ้องร้องให้ผมก็บอกว่า โอเคยังสบายๆ อยู่” อ.เฉลิมชัย กล่าว และคาดว่าคงจะมีตัวแทนบริษัทเข้ามาหาตน ซึ่งตนก็คงจะขอให้มีการนำเงินที่ได้จากการจำหน่ายสินค้า ซึ่งขายกันมานานจนได้เงินไปมากมาย แล้วให้นำมาบริจาคเพื่อการกุศล เช่น เด็กกำพร้า บ้านพักเด็ก ฯลฯ หากว่ายังไม่ไปพบตนก็คงต้องเป็นไปตามกระบวนการ

อ.เฉลิมชัย กล่าวด้วยว่า ในอดีตเคยมีการละเมิดศิลปะของตนมาแล้วมากมาย โดยครั้งหนึ่งมีการนำภาพศิลปะของตนไปทำเป็นจิ๊กซอจำหน่ายในประเทศจีน จึงมีการตามไปสืบหาและฟ้องร้องกัน แต่กลุ่มทุนพวกนี้ ใช้ชาวบ้านที่ยากจนเป็นชื่อเจ้าของผลิตภัณฑ์ ดังนั้นเมื่อมีการฟ้องร้องจนถึงขั้นขึ้นศาลและเปรียบเทียบปรับกันไปแล้ว ก็ไม่ได้ทำสิ่งใดต่อ เพราะจะไปเอาความจากคนจนมากก็ไม่ได้จึงปล่อยตัวไป แต่กรณีผลิตภัณฑ์ช็อกโกแลตนี้ ถือว่ามีความชัดเจนกว่ามาก ตนจึงอยากให้เป็นกรณีศึกษาหรือตัวอย่าง เพื่อไม่ให้ผู้ที่ทุ่มเทกับงาน ไม่ว่าจะเป็นผลงานทางศิลปะ เพลง ฯลฯ ถูกละเมิดกันอีกต่อไป.

ร่วมแสดงความคิดเห็น