มีลุ้น! แม่หมีแพนด้า “หลินฮุ่ย” เริ่มแสดงพฤติกรรมทำรังครั้งแรก หลังผสมพันธุ์เทียม

ผอ.สวนสัตว์เชียงใหม่ เผยความคืบหน้าผสมพันธ์ุหลินฮุ่ย ล่าสุดมีลุ้นเพิ่มขึ้นอีกขั้น หลังปล่อยแม่แพนด้าอยู่เพียงลำพังไร้สิ่งรบกวน เจ้าตัวเริ่มแสดงพฤติกรรมทำรังครั้งแรก นับตั้งแต่ได้รับการผสมพันธ์ุเทียม ด้านเจ้าหน้าที่ดูแลอย่างใกล้ชิด รอความพร้อมในการอัลตร้าซาวด์ อีกประมาณ 1 เดือนข้างหน้า

นายนิพนธ์ วิชัยรัตน์ ผอ.สวนสัตว์เชียงใหม่ เปิดเผยความคืบหน้าการติดตามผลการผสมเทียมแม่หมีแพนด้า “หลินฮุ่ย” ว่า หลังจากที่ทำการผสมเทียมไปเมื่อวันที่ 4 ก.พ.60 ที่ผ่านมา และเริ่มงดเปิดให้เข้าชม “หลินฮุ่ย” โดยให้ใช้ชีวิตอยู่ตามลำพังอย่างสงบ ภายในส่วนจัดแสดงตั้งแต่วันที่ 4 มี.ค.60 เป็นต้นมา เพื่อให้ปราศจากความเครียดและการรบกวน เป็นการเพิ่มโอกาสให้มีความเป็นส่วนตัวในระยะตั้งท้อง

ล่าสุดเช้าวันที่ 9 มี.ค.60 พบว่า “หลินฮุ่ย” เริ่มมีการแสดงพฤติกรรมการสร้างรังให้เห็นเป็นครั้งแรก นับตั้งแต่ที่ได้รับการผสมเทียม ด้วยการหักกิ่งไผ่และฉีกลังกระดาษ นำไปวางกองไว้บริเวณมุมของส่วนจัดแสดง ซึ่งเป็นจุดเดียวกับที่เคยสร้างรังเมื่อครั้งการตั้งท้องครั้งก่อน ขณะเดียวกัน จากการแสดงพฤติกรรมดังกล่าวในครั้งนี้นั้น ผอ.สวนสัตว์เชียงใหม่ ยอมรับว่า ทำให้มีความหวังเพิ่มมากขึ้นว่าการผสมเทียมในครั้งนี้ จะประสบความสำเร็จในการทำให้แม่หมีแพนด้า “หลินฮุ่ย” ตั้งท้อง

อย่างไรก็ตามเพื่อความชัดเจน ต้องรอการตรวจสุขภาพและทำการอัลตร้าซาวด์ ที่ทางทีมงานสัตวแพทย์และผู้เชี่ยวชาญโครงการวิจัยและจัดแสดงหมีแพนด้า ที่กำหนดจะดำเนินการในช่วง 70-80 วัน หลังการผสมเทียม หรืออีกประมาณ 1 เดือนข้างหน้า โดยระหว่างนี้ทางเจ้าหน้าที่ได้มีการดูแลอย่างใกล้ชิด ตลอด 24 ชั่วโมง พร้อมทั้งมีการบำรุงอาหารเสริมและวิตามินต่างๆ ด้วย

ผอ.สวนสัตว์เชียงใหม่ เปิดเผยอีกว่า ในช่วงนี้ที่มีการปิดส่วนจัดแสดงและงดให้เข้าชม “หลินฮุ่ย” พบว่าแม่หมีแพนด้าดูมีท่าทีสงบและพักผ่อนได้อย่างเต็มที่มากขึ้น ซึ่งหวังว่าการดำเนินการดังกล่าวนี้ น่าจะเป็นผลดีอย่างยิ่งในการเพิ่มโอกาสในการตั้งท้องของ “หลินฮุ่ย” จากการผสมเทียมในครั้งนี้

สำหรับโอกาสความสำเร็จจากการผสมเทียมหมีแพนด้าในครั้งนี้นั้น เบื้องต้นทางทีมงานสัตวแพทย์และนักวิจัยโครงการวิจัยและจัดแสดงหมีแพนด้าในประเทศไทย ระบุว่า การดำเนินการในครั้งนี้ มีการตรวจสุขภาพหมีแพนด้าทั้งคู่ พบว่าแข็งแรงสมบูรณ์ดี โดยน้ำเชื้อของ “ช่วงช่วง” จากการตรวจวิเคราะห์พบว่ามีคุณภาพดีกว่าเมื่อครั้งที่ทำการผสมเทียมจนได้ “หลินปิง” ลูกหมีแพนด้าตัวแรกที่เกิดในประเทศไทยเสียอีก ส่วนรังไข่ของ “หลินฮุ่ย” ก็มีความสมบูรณ์เช่นกันและปีนี้ช่วงตกไข่ ก็ใกล้เคียงกับฤดูผสมพันธุ์ตามธรรมชาติ รวมทั้งใกล้เคียงกับเมื่อครั้งที่ตั้งท้อง “หลินปิง” ด้วย ดังนั้นจึงเชื่อมั่นว่ามีโอกาสค่อนข้างสูงที่จะประสบความสำเร็จ อย่างไรก็ตามต้องรอเวลาเพื่อทำการอัลตร้าซาวน์ จึงจะรู้ผลว่าการผสมเทียมครั้งนี้  ประสบความสำเร็จจนตั้งท้องหรือไม่

ร่วมแสดงความคิดเห็น