เพลงซอล้านนา

การซอในปัจจุบันมีการเปิดโอกาสให้ช่างซอรุ่นใหม่ได้แสดงในงานร่วมกับพ่อครูแม่ครูของตน ซึ่งเป็นความพยายามของพ่อครูแม่ครูที่จะผลักดันให้ช่างซอรุ่นใหม่หรือลูกศิษย์ของตนมีประสบการณ์ในการแสดงมากขึ้น จากเดิมที่ช่างซอรุ่นใหม่จะมีหน้าที่เป็นเพียงคนติดตามพ่อครูแม่ครูไปตามงานต่างๆ แต่ไม่มีโอกาสร่วมซอในงานเหล่านั้น

ศิลปะการแสดงพื้นเมืองของชาวล้านนานั้นมีอยู่มากมายหลายชนิด ทั้งการแสดงฟ้อนรำที่ต้องอาศัยความงดงามอ่อนช้อยของร่างกาย รวมไปถึงการเล่นดนตรีพื้นเมืองที่มีความนุ่มนวลไพเราะ แต่มีการแสดงพื้นเมืองชนิดหนึ่งที่ผู้แสดงจะต้องอาศัยไหวพริบ ปฎิภาณพูดจาโต้ตอบกันในลักษณะคล้องจอง การแสดงดังกล่าวก็คือ “ซอพื้นเมือง” ซึ่งถือได้ว่าเป็นที่นิยมในหมู่คนเมืองอย่างแพร่หลาย

นอกจาก “ซอพื้นเมือง” ที่เป็นที่นิยมของคนทั่วไปแล้ว ในล้านนายังมีการจ๊อย อื่อ เพลงคำเมือง การอู้ค่ากำเครือ การอู้สาวบ่ะเก่า ซึ่งมีการใช้ภาษาที่สละสลวย มีท่วงทำนองที่ไพเราะ สนุกสนาน อาจกล่าวได้ว่าภาษาเหล่านี้เป็นคำพูดที่มีทำนองก็ว่าได้

การซอเป็นการขับขานของคนล้านนาที่มีอยู่คู่กับสังคมและวิถีชีวิตมาช้านาน ซึ่งหากจะค้นหาถึงต้นกำเนิดว่า “เพลงซอ” เกิดขึ้นในยุคสมัยใด ก็ยังไม่สามารถระบุวันเวลาได้แน่ชัด แต่จากหลักฐานในหนังสือลิลิตพระลอก็พบว่ามีมาตั้งแต่สมัยนั้นแล้ว โดยเป็นการซอประกาศความงามของพระเพื่อน พระแพง ซึ่งหากสืบมาจากสมัยนั้นจนถึงปัจจุบันก็เป็นเวลาหลายร้อยปี นอกจากนั้นในหลักฐานอักษรธรรมโบราณยังได้กล่าวถึงการซอพื้นเมืองในงานเฉลิมฉลองพระวิหาร สมัยของพญาอโศก จึงอาจจะกล่าวได้ว่า ซอพื้นเมืองนั้นมีมาตั้งแต่อดีตเมื่อหลายร้อยปีมาแล้ว

ซอพื้นเมืองในปัจจุบันได้แบ่งประเภทของการซอออกเป็นหลายประเภทและจะเรียกชื่อของแต่ละชนิดไม่เหมือนกัน การนำมาใช้งานก็จะต่างกันด้วย บุญศรี รัตนัง ศิลปินซอพื้นเมืองซึ่งได้อนุรักษ์การซอเอาไว้กล่าวว่า การซอของคนพื้นเมืองนั้นแบ่งออกเป็นหลายทำนอง แต่ละทำนองก็จะใช้ซอในโอกาสที่ต่างกัน เช่น ทำนองตั้งเชียงใหม่ จะใช้ซอเป็นบทแรกของการซอ นอกจากนั้นก็จะมีทำนองจะปุ ทำนองระไม้ ทำนองอือ ทำนองเจ้าสุวัฒน์นางบัวคำและทำนองล่องน่าน เป็นต้น

ปัจจุบัน ซอพื้นเมืองได้มีการพัฒนารูปแบบการแสดงไปจากอดีตอย่างมาก รูปแบบของการซอในปัจจุบันมีหลากหลายรูปแบบด้วยกัน หากจะแบ่งรูปแบบของการซอในปัจจุบัน พบว่ามีด้วยกัน 2 รูปแบบคือ การซอแบบดั้งเดิมและการซอประยุกต์ เช่น ในอดีตเครื่องดนตรีที่ใช้ประกอบการซอแต่เดิมมีเพียงปี่อย่างเดียว ต่อมาในช่วงปี พ.ศ.2520 ได้เริ่มมีการนำซึงเข้ามาใช้แทนปี่แม่ จากรูปแบบของการซอเข้าปี่ธรรมดาก็เริ่มมีซอเข้าซึง ขณะเดียวกันในยุคนั้นเครื่องขยายเสียงเริ่มแพร่หลายมากขึ้น ช่างซอจึงเริ่มมีการใช้ไมค์โครโฟนและเครื่องขยายเสียงในการซอ ตั้งแต่นั้นมาเมื่อมีการซอที่ไหนช่างซอก็นิยมใช้เครื่องขยายเสียงและไมค์โครโฟนในการซอมาจนถึงปัจจุบัน

ต่อมาก็เริ่มมีการซออีกรูปแบบหนึ่งคือ “ละครซอ” เรื่องแรกที่นำมาทำเป็นละครซอเมื่อยุค 20 กว่าปีก่อนคือ ซอเรื่องนํ้าตาเมียหลวง แอ่วสาวเมืองพร้าว ซอก้าระแหง โดยพ่อครูบุญศรี สันเหมือง และ แม่บัวซอน เมืองพร้าว หลังจากนั้นมาละครซอก็เริ่มแพร่หลายและมีคณะละครซอเกิดขึ้นมาหลายคณะ ละครซอสมัยแรกๆ จะเป็นการแสดงละครเพียงอย่างเดียวไม่มีอะไรมาผสมผสาน แต่พอเริ่มมีการแข่งขันละครซอของคณะต่าง ๆ มากขึ้น ก็เริ่มมีการผสมผสานรูปแบบการแสดงใหม่ มีการนำดนตรีเข้าร่วม โดย พ่อครูก๋วนดา เชียงตา เป็นคนริเริ่มนำเอาเครื่องอิเล็กโทนเข้าไปเล่นในคณะละครซอศรีสมเพชร 2 จากนั้นมาละครซอเกือบทุกคณะมีการนำเอาอิเล็กโทนเข้าไปในการแสดง

จากรูปแบบที่เปลี่ยนแปลงของซอพื้นเมืองนี่เอง จึงทำให้ช่างซอมีการปรับเปลี่ยนรูปแบบของการซอไปด้วย พบว่าในช่วงนี้มีการซอคู่ในรูปแบบใหม่เกิดขึ้น เป็นการซอกับอิเล็กโทน เรียกว่า “ซอสตริง” จากซอสตริงก็มีการอัดเทปและวงดนตรีที่เกิดขึ้นในช่วงนั้นจะต้องมีการนำซอสตริงไปเล่นในงานแสดงด้วย

ส่วนรูปแบบของการซอในงานต่างๆ จากเดิมที่มีช่างซอเพียงคู่เดียวซอตลอดทั้งวัน โดยแบ่งเนื้อหาการแสดงออกเป็น 3 ช่วงตามกลุ่มผู้ฟัง คือในช่วงเช้า เป็นการซอฮํ่าการฮํ่างาน ซอปัดเคราะห์ ซอปันพร ในช่วงบ่ายจะเป็นการซอแนวสนุกสนานเอาใจหนุ่มสาวส่วนในช่วงคํ่าจะมีซอประกอบเพลง ประกอบดนตรีสอดแทรก แต่ในระยะหลังๆ เนื่องจากเหลือช่างซอรุ่นเก่าไม่มาก จึงต้องมีการแบ่งภาคโดยเอาช่างซอรุ่นใหม่เข้ามาช่วยอีก 1-2 คู่เพื่อมาซอในช่วงบ่าย ส่วนช่างซอรุ่นเก่าก็จะมาซอฮํ่าการฮํ่างาน ซอประวัติงาน เป็นต้น ในช่วงบ่าย 3 -5 โมงก็จะมีช่างซอรุ่นใหม่ที่พอรู้เชิงและมีลุกเล่นในการซอให้ความสนุกสนานบันเทิง ในช่วงสุดท้ายของรายการมีการเอาเพลงลูกทุ่งสมัยใหม่มาร้องในงานพร้อมกับอิเล็กโทน

การซอในปัจจุบันมีการเปิดโอกาสให้ช่างซอรุ่นใหม่ได้แสดงในงานร่วมกับพ่อครูแม่ครูของตน ซึ่งเป็นความพยายามของพ่อครูแม่ครูที่จะผลักดันให้ช่างซอรุ่นใหม่หรือลูกศิษย์ของตนมีประสบการณ์ในการแสดงมากขึ้น จากเดิมที่ช่างซอรุ่นใหม่จะมีหน้าที่เป็นเพียงคนติดตามพ่อครูแม่ครูไปตามงานต่าง ๆ แต่ไม่มีโอกาสร่วมซอในงานเหล่านั้น

นอกจากนั้นเครื่องดนตรีสำคัญที่ใช้ประกอบการซอของเชียงใหม่ ได้แก่ ปี่และซึง ซึ่งเครื่องดนตรีทั้งสองนับว่ามีความสำคัญคู่กับการซอมาโดยตลอด ทำให้การซอของช่างซอราบรื่น สนุกสนาน บางครั้งยังพบว่าหากช่างปี่ไม่สามารถบรรเลงหรือประสานเสียงปี่ให้เข้ากันได้ การซอก็จะเกิดความติดขัด ปี่ที่ใช้ในการซอนั้นจะใช้เป็นชุดเรียกว่า “ปี่จุม” บรรเลงร่วมกันเป็นวงเรียก “วงปี่จุม” ในสมัยก่อนจะมีปี่ที่เล่น 3 เล่มคือ ปี่ก้อย ปี่กลางและปี่แม่ แต่ในปัจจุบันวงปี่จุมที่ร่วมกับคณะซอประกอบด้วยเครื่องดนตรี 4 ชิ้น คือ ปี่ก้อย ปี่กลาง ปี่ตัดและซึง

อย่างไรก็ตามทิศทางการอนุรักษ์ซอพื้นเมืองในปัจจุบันถูกกระแสของดนตรีสมัยใหม่และละครโทรทัศน์เข้ามาบดบังจนทำให้ซอพื้นเมืองอันเป็นศิลปะทรงคุณค่าเก่าแก่ของล้านนา กำลังถูกลบเลือนไปจากความทรงจำของคนในปัจจุบัน คุณค่าและความสำคัญของซอพื้นเมืองที่เคยมีมาในอดีต หากไม่ได้รับการอนุรักษ์รักษาและถ่ายทอดไปสู่คนรุ่นใหม่แล้ว บางทีซอพื้นเมืองอาจจะหลงเหลืออยู่เพียงแค่ในเทปคาสเซทก็เป็นได้

จักรพงษ์ คำบุญเรือง
[email protected]

ร่วมแสดงความคิดเห็น