เด็กชาวเขาบริสุทธิ์ พ้นมลทิน กรณีสื่ออังกฤษอ้างขโมยนาฬิกา

วันที่ 21 มี.ค.60 เวลา 10.00 น. ที่ห้องประชุม 4 ชั้น 4 อาคารอำนวยการ ศาลากลางจังหวัดเชียงใหม่ นายมนัส ขันใส ปลัดจังหวัดเชียงใหม่ เป็นประธานการแถลงข่าวสื่อมวลชนจังหวัดเชียงใหม่ประจำสัปดาห์ ครั้งที่ 22/2560 พร้อมกับการแถลงในประเด็นการมอบเอกสารแสดงความเสียใจของสื่อต่างประเทศแก่ครอบครัวลาวาง ในกรณีถูกกล่าวหาว่าลูกขโมยนาฬิกานักท่องเที่ยวและความคืบหน้าในการให้ความช่วยเหลือ ซึ่งประเด็นดังกล่าวกลายเป็นข่าวโด่งดังไปทั่วประเทศและทั่วโลก ล่าสุดพบว่าเด็กบริสุทธิ์ และทางหนังสือพิมพ์ของต่างประเทศได้ส่งหนังสือแสดงความเสียใจที่ลงข่าวบิดเบือนและทำให้ภาพลักษณ์ของจังหวัดเชียงใหม่เสื่อมเสีย ซึ่งในวันนี้ทางจังหวัดเชียงใหม่ ได้มอบหนังสือแสดงความเสียใจต่อเด็กและครอบครัวของเด็กที่ถูกกล่าวหาด้วย ต่อมานายปวิณ ชำนิประศาสน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ ได้เดินทางมาเป็นประธานรับมอบหนังสือดังกล่าวด้วยตนเอง

สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้นสืบเนื่องจากกรณีที่สื่อมวลชนได้เผยแพร่ข่าวจากสื่อมวลชนต่างประเทศตีพิมพ์ข้อความกล่าวถึงเหตุการณ์ที่มีนักท่องเที่ยวสตรีระบุว่า มีเด็กหารายได้พิเศษด้วยการแต่งชุดชาวเขาถ่ายรูปร่วมกับนักท่องเที่ยวเป็นที่ระลึก แล้วลักขโมยนาฬิกาข้อมือของตนไป เกิดเหตุที่บริเวณลานหน้าวัดพระธาตุดอยสุเทพ จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งไม่ระบุวันและเวลาอย่างละเอียด โดยสื่อต่างประเทศได้เผยแพร่ข่าวดังกล่าวออกไปเป็นวงกว้าง ก่อให้เกิดผลกระทบต่อการดำเนินชีวิตของครอบครัวชาวเขา และภาพลักษณ์ของการท่องเที่ยวของจังหวัดเชียงใหม่เป็นอย่างมาก หลังเกิดเหตุการณ์ นายปวิณ ชำนิประศาสน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ ได้สั่งการให้ตรวจสอบข้อเท็จจริงโดยด่วนเนื่องจากมีผลกระทบต่อเด็กที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ และขัดต่อภาพลักษณ์ด้านการท่องเที่ยวของจังหวัดเชียงใหม่ โดยเจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้องได้ร่วมกับสหวิชาชีพทำการสอบถามเด็กและครอบครัวที่ถูกกล่าวหา ทราบชื่อว่าเด็กหญิงทั้งสองเป็นชาวเขาเผ่าม้งดอยปุย มีนายภูจรัส จิรภากร และนางหลู่ นิธิวรภพ ราษฎรชาวเขาเผ่าม้ง ซึ่งเป็นพ่อแม่ของเด็ก อยู่บ้านเลขที่ 44/1 หมู่ที่ 11 ต.สุเทพ อ.เมือง จ.เชียงใหม่ ด้วยการดูแลของนายเมธาพันธ์ เฟื่องฟูกิจการ ผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 11 ต.ดอยปุย ซึ่งได้ข้อมูลที่ยืนยันตรงกันจากทุกฝ่ายทั้งบิดา มารดา ตลอดทั้งผู้เกี่ยวข้อง ซึ่งได้ปฏิเสธข้อกล่าวหาดังกล่าว ซึ่งยืนยันว่าเด็กผู้ถูกกล่าวหามิได้ลักขโมยทรัพย์สินของนักท่องเที่ยวไปแต่อย่างใด แม้ครอบครัวจะมีฐานะยากจน แต่ได้อบรมสั่งสอนบุตรทุกคนให้ประพฤติปฏิบัติตนเป็นคนดี มีความซื่อสัตย์สุจริต ประกอบสัมมาชีพเพียงพอแก่ฐานะ จึงให้เด็กทั้งสองหารายได้พิเศษด้วยการถ่ายรูปเป็นที่ระลึกกับนักท่องเที่ยวและชาวต่างประเทศ จึงขอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจติดตามผู้กล่าวหามายืนยันและรับผิดชอบต่อการกล่าวบิดเบือนมีผลกระทบต่อเด็กและภาพลักษณ์ที่ดีของจังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งสื่อมวลชนต่างๆ ได้ให้ความสนใจและติดตามผลดังกล่าวมาอย่างต่อเนื่อง แต่ก็ไม่ได้รับการติดต่อกลับมาจากนักท่องเที่ยวรายดังกล่าว เพื่อเข้ามาแสดงตัวแต่อย่างใด
ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า ในช่วงเวลาขณะนั้น นายปวิณ ชำนิประศาสน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ ได้นำเรียนเอกอัครราชทูตอังกฤษประจำประเทศไทยในโอกาสเดินทางเยือนจังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งท่านทูตได้แสดงความเสียใจและมอบให้นายเบน โรเบิร์ต สวัสดิวัฒน์ กงสุลกิตติมศักดิ์ สหราชอาณาจักรประจำจังหวัดเชียงใหม่ เป็นผู้ประสานการให้ความช่วยเหลือ กอรปกับบิดาของเด็กได้ขอความช่วยเหลือไปยังมูลนิธิเพื่อความเข้าใจเด็ก ขอให้นักกฎหมายประสานไปยังสำนักข่าว 4 แห่ง คือ The Sun , Daily mail , Daily Express และ The Telegraph ที่นำเสนอข่าวได้รับข้อมูลเท็จจริง และขอความร่วมมือในการติดตามผู้เกี่ยวข้อง ภายหลังได้ทราบว่าสตรีผู้นั้นได้เข้ามาโพสท์ข้อความว่าตนมีอาการเมา จำไม่ได้ว่านาฬิกาหายไปที่ใด จึงมีคนเข้ามาตำหนิถึงการกระทำดังกล่าวอย่างกว้างขวาง สาธารณชนจึงเกิดความกังขาสงสัยและเห็นว่าไม่เป็นการยุติธรรมต่อเด็กที่ผู้โพสต์ข้อความไม่แจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยที่เด็กยังอายุน้อยไร้เดียงสา และไม่สามารถตอบโต้หรือคัดค้านข้อกล่าวหาดังกล่าวได้ แต่กลับมาให้ข้อมูลที่ส่งผลกระทบต่อตัวเด็กและครอบครัว อันเป็นการขัดต่อหลักสิทธิมนุษยชนและเสรีภาพของเด็ก อนาคตของเด็กจะมัวหมองถูกทำลายคุณค่าลง เกิดเป็นตราบาป จึงควรทำความจริงนี้ให้กระจ่าง ต่อมาผู้บริหารหนังสือพิมพ์ THE SUN ซึ่งมีสำนักงานใหญ่อยู่ที่ประเทศอังกฤษและเวลล์ รวมทั้งหนังสือ Daily Mail ประเทศออสเตรเลีย โดยการประสานอย่างใกล้ชิดของมูลนิธิเพื่อความเข้าใจเด็กอย่างต่อเนื่อง ทำให้สื่อมวลชนต่างประเทศได้ขอให้ทางจังหวัดเชียงใหม่มอบหนังสือแสดงความเสียใจต่อสิ่งที่เกิดขึ้น ที่เป็นผลกระทบต่อครอบครัวของเด็กและภาพลักษณ์ที่ดีของประเทศไทย รวมทั้งเผยแพร่ข้อมูลที่เป็นการละเมิดสิทธิของเด็กต่อเด็กทั้งสองอีกด้วย จึงขอความร่วมมือในการชี้แจงแสดงความเสียใจต่อทางการจังหวัดเชียงใหม่ และขอให้ผู้เกี่ยวข้องทุกฝ่ายได้รับทราบ อีกทั้งยังไม่มีเบาะแสนักท่องเที่ยวดังกล่าวจึงขอแสดงความเสียใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอันเป็นผลกระทบต่อครอบครัวของเด็กทั้งสองอีกด้วย
ทั้งนี้ในส่วนการเยียวยาผลกระทบต่อครอบครัวจิรภาภร ทางจังหวัดเชียงใหม่ โดย นายปวิณ ชำนิประศาสน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ พร้อมด้วยนางมลสุดา ชำนิประศาสน์ นายกเหล่ากาชาดจังหวัดเชียงใหม่ นายอำเภอเมืองเชียงใหม่ และเจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้องทุกฝ่าย รวมทั้งมูลนิธิเพื่อความเข้าใจเด็กได้เข้าเยี่ยม เยียวยา ปลอบขวัญให้แก่ครอบครัวในเบื้องต้นแล้ว ด้วยการมอบทุนการศึกษา ร่วมกับเหล่ากาชาดจังหวัดเชียงใหม่ปรับปรุงช่วยเหลือ ซ่อมแซมบ้านพักอาศัยของครอบครัวเด็ก ที่มีสภาพทรุดโทรมจนแล้วเสร็จและสามารถเข้าอยู่อาศัยได้อย่างมั่นคงถาวร อีกทั้งวัดพระธาตุดอยสุเทพราชวรวิหาร ยังได้อนุโลมให้เด็กไปถ่ายรูปกับนักท่องเที่ยวเพื่อเป็นที่ระลึกได้ตามปกติ ดังนั้น เมื่อได้รับแจ้งจากผู้บริหารสื่อของต่างประเทศอย่างเป็นทางการ ทางจังหวัดเชียงใหม่ จึงได้มอบหนังสือแสดงความเสียใจจากผู้บริหารองค์กรสื่อดังกล่าวให้แก่ครอบครัว เพื่อยืนยันว่าเด็กเป็นผู้บริสุทธิ์ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการถูกกล่าวหาว่าลักขโมยทรัพย์สินของนักท่องเที่ยวแต่อย่างใด และเพื่อเป็นการรักษาภาพลักษณ์ของการท่องเที่ยวที่ดีของจังหวัดเชียงใหม่ จึงได้แถลงผลการดำเนินการตลอดเวลาที่ผ่านมาอย่างต่อเนื่อง ด้วยการมอบจดหมายของสื่อดังกล่าวเพื่อยืนยันในความบริสุทธิ์ให้แก่ครอบครัวในครั้งนี้ต่อไป และขอยุติเรื่องดังกล่าวด้วยความเข้าใจอันดีและความร่วมมือของทุกฝ่ายอย่างดียิ่ง

ร่วมแสดงความคิดเห็น