ผบช.ภ. 5 ยืนยัน นายชัยภูมิ เกี่ยวพันยาเสพติด มีหลักฐานชัดเจน วอนสังคมอย่าด่วนตัดสินก่อนทราบข้อเท็จจริง 

จากกรณีที่เจ้าหน้าที่ฝ่ายทหารทำการวิสามัญฆาตกรรม นายชัยภูมิ อายุ 21 ปี นักกิจกรรมชาวลาหู่ เสียชีวิต บริเวณด่านตรวจบ้านรินหลวง ตำบลเมืองนะ อำเภอเชียงดาว จังหวัดเชียงใหม่ เมื่อวันที่ 17 มี.ค.60 ระหว่างนั่งรถยนต์ที่มีเพื่อนเป็นวัยรุ่นชายอายุ 19 ปี เป็นคนขับ

โดยตามรายงานระบุว่าเจ้าหน้าที่ได้ทำการเรียกตรวจค้นพบยาบ้าจำนวน 2,800 เม็ด แต่นายชัยภูมิ ได้หยิบมีดพยายามต่อสู่กับเจ้าหน้าที่ ก่อนที่จะวิ่งหลบหนีและจะใช้ระเบิดขว้างใส่เจ้าหน้าที่ ทำให้เจ้าหน้าที่ใช้อาวุธปืนยิงตอบโต้ จนทำให้นายชัยภูมิ ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต

ซึ่งต่อมาได้ก่อให้เกิดกระแสสังคมและในโลกออนไลน์ตั้งข้อสงสัยเกี่ยวกับการทำงานของเจ้าหน้าที่ โดยมีการให้ข้อมูลว่านายชัยภูมิ ที่ถูกยิงเสียชีวิตนั้น เป็นนักกิจกรรมทางสังคม และเป็นเด็กดี รวมทั้งไม่มีประวัติเกี่ยวข้องกับยาเสพติดด้วย

วันที่ 22 มี.ค.2560 เวลา 15.30 น. พล.ต.ท.พูลทรัพย์ ประเสริฐศักดิ์ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 พล.ต.ต.ภาณุเดช บุญเรือง รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 พ.ต.อ.มงคล สัมภวะผล. รอง ผบก.ภ.จว. เชียงใหม่ และพ.ต.อ.ชลเทพ ไหมไทย ผกก.สภ.นาหวาย เปิดเผยถึงกรณีดังกล่าวว่า เบื้องต้นได้รับรายงานจากเจ้าหน้าที่ตำรวจสถานีตำรวจภูธรนาหวาย อำเภอเชียงดาว จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งรับผิดชอบพื้นที่เกิดเหตุว่า ว่าในช่วงเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ฝ่ายทหารได้ทำการเรียกตรวจค้นรถยนต์ของผู้ที่มีลักษณะต้องสงสัยว่าอาจจะลักลอบขนยาเสพติดโดยพบเป็นวัยรุ่นชาย 2 คน ซึ่ง 1 ใน 2 คน ได้หลบหนี และมีท่าทางจะตอบโต้เจ้าหน้าที่ โดยมีระเบิดและลักษณะจะขว้างใส่เจ้าหน้าที่ ทำให้ต้องมีการใช้อาวุธปืนยิงตอบโต้เพื่อป้องกันตัวและยับยั้งเหตุ จนเป็นเหตุให้ชายวัยรุ่นคนดังกล่าวได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตในที่สุด

ทั้งนี้ ยืนยันว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจจะดำเนินการทุกอย่างตามขั้นตอนและไปตามพยานหลักฐานเพื่อให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย ส่วนชายวัยรุ่นที่ถูกยิงเสียชีวิตมีประวัติเกี่ยวข้องกับยาเสพติดจริงโดยมีพยานหลักฐานการโอนเงินเข้าบัญชี ของในชัยภูมิ และเมื่อต้นเดือนมกราคมเจ้าหน้าที่ เคยได้ทำการล่อซื้อยาเสพติดจากนายชัยภูมิครั้งหนึ่งแล้วแต่สามารถหลบหนีการจับกุมไปได้

 

พล.ต.ท.พูลทรัพย์ฯ เผยอีกว่าในส่วนของกระแสสังคมต่างๆ นั้น อยากให้มีการแยกแยะด้วยว่าอะไรคือความจริงหรือไม่จริงอย่าด่วนตัดสินใจว่าคนไหนผิดหรือไม่ผิด เพราะในพื้นที่ ที่เกิดเหตุนั้นเป็นพื้นที่ที่เป็นเส้นทางลักลอบลำเลียงยาเสพติดตามแนวชายแดน และพยานหลักฐานของทางจนท.ตำรวจนั้น ชี้ชัดว่านายชัยภูมิเป็นผู้ค้ายาเสพติดพร้อมมีหลักฐานมัดตัวชัดเจนและเบื้องต้นทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้แจ้งข้อหาให้ทหารที่เป็นผู้ใช้อาวุธปืนยิงชายวัยรุ่นดังกล่าวเสียชีวิตรับทราบ และจนท.ทหารได้เดินทางเข้าพบกับเจ้าหน้าที่ตำรวจที่สถานีตำรวจภูธรนาหวาย เพื่อรับทราบข้อกล่าวหาแล้ว ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจพร้อมดำเนินการตามกระบวนการกฎหมายต่อไป ทั้งนี้ต้องขอความเห็นใจกับเจ้าหน้าที่ที่อยู่ตามแนวชายแดน ที่ปฏิบัติหน้าที่เพื่อป้องกันยาเสพติดเข้ามาสู่ลูกหลานของพวกเรา และวอนสื่อโซเชียลต่างๆอย่าเพิ่งด่วนตัดสินใจ ว่าใครผิดหรือไม่ผิด.

ร่วมแสดงความคิดเห็น