ติด GPS กันพื้นที่รถหัวลาก 10 ล้อ ไม่ให้เข้าเมืองเชียงใหม่

ศูนย์บริหารจัดการเดินรถ GPS ขนส่งเชียงใหม่ เริ่มใช้ควบคุมการวิ่งรถในพื้นที่ ของรถโดยสารประจำทาง-ไม่ประจำทาง และรถบรรทุก 10 ล้อหัวลากเข้าในพื้นที่ ระบบเริ่มใช้ควบคุมดำเนินการจับปรับควบคุมการใช้ความเร็ว จัดเจ้าหน้าที่ควบคุม 24 ชั่วโมง กระทำผิดมีโทษปรับ 2 เท่า ทั้งคนขับ-เจ้าของกิจการ เน้นช่วงสงกรานต์ปี 2560 นี้ เพื่อให้ประชาชนเดินทางได้อย่างมั่นใจ ปลอดภัยตลอดการเดินทางไป-กลับ

เมื่อวันที่ 24 มีนาคม 2560 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวานนี้โดยนายชาญชัย กีฬาแปง ขนส่งจังหวัดเชียงใหม่ พร้อมหัวหน้าและเจ้าหน้าที่ฝ่ายวิชาการขนส่งฯ ได้ทำความเข้ากับพนักงานขับรถประจำทางเมล์เขียว วิ่งสายภาคเหนือตอนบนและผู้ประกอบการ ให้มีความเข้าใจหลักจากศูนย์บริหารจดการเดินรถ GPS ขนส่งเชียงใหม่ เริ่มเชื่อมระบบกับผู้ประกอบรถโดยสารประจำทาง ไม่ประจำทาง รถบรรทุก 10 ล้อ และรถบรรทุกหัวลากเข้าสูระบบ เพื่อให้มีความเข้าใจต่อการทำงาน ในการควบคุมการเดินรถให้บริการระหว่างจังหวัด และระหว่างอำเภอภายในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ เพื่อควบคุมไม่ให้มีการขับขี่รถเร็วเกินกว่ากฎหมายกำหนด

นายชาญชัย กีฬาแปง ขนส่งจังหวัดฯ กล่าวว่า การเชื่อมระบบของผู้ประกอบการเดินรถในจังหวัดเชียงใหม่ ทั้งหมดของรถโดยสารประจำทางและไม่ประจำทาง วิ่งระหว่างจังหวัดและระหว่างอำเภอ ซึ่งการทำงานจะมีเจ้าหน้าที่เฝ้าติด ตามการขับรถโดยระบบ GPS ซึ่งตามที่กฎหมายกำหนดของรถใหม่ทุกคัน ต้องมีการติดตั้ง ส่วนรถเก่าให้ติดตั้งแล้วเสร็จในปีนี้ ซึ่งส่วนใหญ่จะมีการปฎิบัติติดตั้งระบบติดตาม GPS ไว้กับรถ ซึ่งขณะนี้มีรถเข้าระบบแล้วเกือบ 500 คัน แต่เบื้องต้นเป็นรถโดยสารประจำทางและไม่ประจำทาง ก่อนจะเชื่อมระบบต่อกับรถ 10 ล้อและหัวลาก ซึ่งจะครอบ คลุมในปี 2562 ซึ่งรถสาธารณะและรถบรรทุกขนาดใหญ่ต้องมีทุกคัน

อย่างไรก็ตามในห้วงเทศกาลสงกรานต์ปีนี้ กรมการขนส่งได้ใช้มาตรการดี เข้ามาควบคุมรถโดยสารประจำทางและไม่ประจำทางทุกคัน เพราะทุกครั้งพนักงานขับรถจะต้องรูดใบขับขี่ทุกครั้ง ที่จะแสดงรายชื่อ หมายเลขรถ เส้นทางการวิ่ง ความเร็วในการวิ่ง ซึ่งจะสามารถควบคุมได้ง่าย เจ้าหน้าที่สามารถติดตามได้ทัน เพื่อให้ประชาชนผู้ใช้บริการได้เกิดความเชื่อมั่นและมั่นใจต่อการใช้บริการรถสาธาณะ ในห้วงเทศกาลสงกรานต์ที่จะมาถึงนี้ ไม่ว่าจะเดินทางไป-กลับเดินทางปลอดภัยถึงจุดหมายปลายทาง

ทั้งนี้จะช่วยลดความเสี่ยงการเกิดอุบัติเหตุขนาดใหญ่อย่างที่ผ่านมา เพราะรถที่ขับขี่ความเร็วจะแสดงสีแดงขึ้นมา ทำให้สามารถติดตามแจ้งเตือนได้ทันที นอกจากนี้ผู้ขับขี่รถเร็วเกิดจากที่กฎหมายกำหนดแล้ว จะมีโทษปรับทั้งคนขับและผู้ประกอบการ หากมีการขับรถขี่รถเกินหลายครั้ง แต่จะใช้ครั้งที่ความเร็วสูงสุดเป็นโทษปรับเบื้องต้น 1,000 – 3,000 บาท

ส่วนโทษของผู้ขับรถโดยไม่มีใบอนุญาตขับขี่ มีโทษปรับสูงสุดถึง 5 หมื่นบาท ของผู้ประกอบการ ส่วนพนักงานขับส่งพนักงานดำเนินคดี ยังมีโทษหากใช้รถโดยมีระบบ GPS ผู้ประกอบการมีโทษปรับสูงสุด 1 หมื่นบาท ส่วนพนักงานขับรถโทษสูงสุด 5 พันบาท สำหรับผู้ขับรถระหว่างจังหวัด ก็จะถูกจับของแต่ละจังหวัดถูกดำเนินคดีต่างกัน เพราะต่างกรรมต่างวาระ จะไม่เอามารวมกัน และยังไม่รวมกับหน่วนงานอื่นหากมีการกวดขันจับกุม

ด้านนายนิด จิตรสมาน พนักงานขับรถ กล่าวว่าจากมาตรการดังกล่าวถือเป็นเรื่องดี ที่นำมาใช้ทำให้พนักงานขับรถได้ขับขี่ตามกฎและความเร็วตามที่กำหนด เพราะมีโทษทั้งคนขับ-ผู้ประกอบการ ที่สำคัญประชาชนได้มีความมั่นใจต่อการใช้บริการรถสาธาณะเพิ่มมากขึ้น จากนี้ก็จะได้ขับขี่รถตามกฎหมายกำหนดได้มีมาตรฐานความปลอดภัยมากขึ้น ยอมรับที่ผ่านมาเคยถูกจับความเร็วจากเจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวง

ร่วมแสดงความคิดเห็น