บิ๊กภาค 5 ยืนยัน “นายชัยภูมิ ป่าแส” นักเคลื่อนไหวกลุ่มชาติพันธุ์ ชาวลาหู่ เกี่ยวข้องและพัวพันเกี่ยวกับยาเสพติด

บิ๊กภาค 5 ยืนยัน นายชัยภูมิ ป่าแส นักเคลื่อนไหวกลุ่มชาติพันธุ์ ชาวลาหู่ อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ เกี่ยวข้องและพัวพันเกี่ยวกับยาเสพติด เผยเบื้องหน้าทำงานเพื่อสังคม แต่เบื้องหลังลักลอบพัวพันเกี่ยวกับยาเสพติด ขณะที่ประธานกลุ่มเยาวชนต้นกล้าพื้นเมือง ต้องการหลักฐานชัดเจน ว่าผู้ตายเกี่ยวข้องกับยาเสพติด และมีระเบิดได้อย่างไร

จากกรณี เมื่อวันที่ 17 มีนาคม 2560 นายชัยภูมิ ป่าแส อายุ 21 ปี นักกิจกรรมเยาวชนกลุ่มชาติพันธุ์ลาหู่ ถูกยิงจนเสียชีวิตบริเวณด่านตรวจที่ จ.เชียงใหม่ โดยมีรายงานว่าเป็นกองกำลังร่วมของเจ้าหน้าที่ทหาร กับหน่วยเฉพาะกิจกองกำลังผาเมือง ซึ่งเป็นหน่วยปราบปรามยาเสพติด และหน่วยลาดตระเวนบริเวณชายแดน จากรายงานของกองทัพระบุว่า นายชัยภูมิได้หลบหนีออกจากรถที่เขาเดินทางมาด้วย และถูกยิงระหว่างที่เขาพยายามที่จะโยนระเบิดใส่เจ้าหน้าที่ทหาร

ในรายงานระบุว่า ในเวลาต่อมาเจ้าหน้าที่ทหารพบแอมเฟตามีนจำนวนมาก ซ่อนอยู่ในรถคันดังกล่าว ซึ่งผู้ตายคือ นายชัยภูมิ ป่าแส เป็นนักกิจกรรมที่มีชื่อเสียง โดยทำงานเรียกร้องสิทธิของชาวลาหู่และกลุ่มชนพื้นเมืองอื่นๆ ในไทย เขายังเป็นผู้สร้างภาพยนตร์และนักดนตรีมือสมัครเล่น มีผลงานในประเด็นเกี่ยวกับสิทธิชนพื้นเมืองและกลุ่มคนไร้สัญชาติ ที่ผ่านมาเขาทำงานรณรงค์ต่อต้านการใช้ยาเสพติดในกลุ่มชุมชนลาหู่ ตามข่าวที่เสนอไปแล้วนั้น

ความคืบหน้าในคดีนี้เมื่อเวลา 13.30 น.วันที่ 24 มี.ค.60 นางวิไลลักษณ์ เยอเบอะ ประธานกลุ่มเยาวชนต้นกล้าพื้นเมือง เปิดเผยว่าช่วงนี้ทางกลุ่มเจ้าหน้าที่ภาครัฐได้ออกมาแถลงข่าวว่า นายชัยภูมิ มีประวัติยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด และนายชัยภูมิ ไม่ใช่เด็ก แต่อายุ 21 ปีตามบัตร ทางเครือข่ายก็อยากจะชี้ให้ประชาชนได้เข้าใจว่า ที่เครือข่ายออกมาเคลื่อนไหว เพราะอยากให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบข้อเท็จจริง ต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เพื่อให้ความเป็นธรรมต่อทุกฝ่าย โดยแยกเป็นประเด็นไป

เรื่องยาเสพติด เรื่องการวิสามัญ และเรื่องระเบิดที่พบในที่เกิดเหตุ ทางเครือข่ายต้องการหลักฐาน และคำอธิบายที่ชัดเจนให้แก่สังคม ซึ่งจากนี้ไปทางองค์กรเครือข่ายฯ ก็คงต้องร่วมกันติดตามการค้นหาข้อเท็จจริง จากกลไกกลางที่จะถูกจัดตั้งขึ้นมาเพื่อคลี่คลายคดีนี้ ตามที่หลายๆ องค์กรได้เรียกร้องเสนอให้แก่รัฐบาล และทางนายกรัฐมนตรี ก็รับทราบและให้ตั้งทีมทำงาน เพื่อให้คำตอบแก่สังคม เราก็จะรอการทำงานของคณะที่ทางรัฐบาลให้จัดตั้งขึ้นมาชี้แจง

ด้าน พล.ต.ท.พูลทรัพย์ ประเสริฐศักดิ์ ผบช.ภ.5 เปิดเผยว่าตอนนี้กระแสสังคมก็เงียบไปมาก จากการมาเปิดเผยข้อมูลเชิงลึกทั้งของตำรวจและทหาร โดยทางตำรวจเราก็มีหลักฐานชัดเจน ว่านายชัยภูมิ นั้นเกี่ยวข้องกับยาเสพติดแน่นอน อีกทั้งผู้ต้องหาอีก 1 คน ที่ถูกจับพร้อมนายชัยภูมิ คือนายพงศนัย แสงตะหล้า อายุ 19 ปี เพื่อนร่วมเรียนของนายชัยภูมิ ก็ให้การตรงกับเจ้าหน้าที่ทหารว่า ก่อนเกิดเหตุได้มีหญิง 2 คน มาพบนายชัยภูมิ ที่บ้านแล้วมีการนำสิ่งของบางอย่าง ซุกซ่อนไว้ในเครื่องกรองของรถยนต์ ก่อนที่จะขับมาที่ด่าน พอถึงด่านทางเจ้าหน้าที่ทหาร ก็ขอตรวจค้นถูกต้อง พอตรวจภายในรถนายชัยภูมิ ก็เฉยๆ แต่พอทหาร ขอตรวจฝากระโปรงหน้า และกระโปรงหลัง นายชัยภูมิ ก็มีท่าทีขัดขืนและพยายามวิ่งหนี ก่อนหยิบระเบิดออกมาพยายามขว้าง

ทางเจ้าหน้าที่ทหารจึงตัดสินใจยิง คนเราถ้าไม่ทำอะไรผิดจะหนีทำไม จะขัดขืนทำไม ผมกล้ารับประกันเจ้าหน้าที่ทหารในพื้นที่ ไม่ทำร้ายประชาชนหรอก ตอนนี้กลุ่มนักอนุรักษ์ ก็พยายามออกมาเคลื่อนไหวเรื่องใหม่ เรื่องเจ้าหน้าที่ซ้อม นายชัยภูมิ มีพยานรู้เห็นจำนวนมาก ตรงนี้อยากให้ทุกคนดูจากพยานและหลักฐาน หากมีเหตุการณ์แบบนั้นจริงก็ให้พยานมาพบกับตำรวจได้เลย แต่จนถึงตอนนี้พยานเหล่านั้นที่กล่าวกันลอยๆในโชลเชียลก็ไม่มีเลย แต่ทางทหารมีหลักฐานจากกล้องวงจรปิดถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ตามข้อเท็จจริงว่าทหาร กระทำการถูกต้องแล้ว ตอนนี้คดีเราก็ให้แยกออกเป็น 3 ส่วน

ส่วนแรกคดีผู้ต้องหาค้ายาเสพติด ตรงนี้จากหลักฐานพยานก็ค่อนข้างชัดเจน สำหรับคนที่ถูกจับด้วยกันก็ไม่มีส่วนรู้เห็น อันนี้ก็กำลังทำสำนวนหาพยานหลักฐานกันอยู่ หากไม่เกี่ยวข้องจริงเราก็จะเสนอขอไม่ฟ้องต่อไป คดียาเสพติดเราก็กำลังสืบเจาะลึกลงไปว่าคนที่นำยามาส่งให้นายชัยภูมิ เป็นใคร อยู่ที่ไหน ซึ่งตอนนี้เราก็พอรู้แล้วว่าเป็นขบวนการค้ายากลุ่มว้า และตอนนี้ก็หลบหนีออกนอกพื้นที่ไปแล้ว เราก็กำลังตามล่าตัวมาดำเนินดคีตามกฏหมาย

ส่วนคดีที่ 2 คดีที่เจ้าหน้าที่ทหารตกเป็นผู้ต้องหาในคดีวิสามัญ อันนี้ตำรวจเราก็กำลังสรุปสำนวนหาพยานหลักฐานคำให้การต่างๆ มาเพื่อสรุปสำนวนให้อัยการพิจารณาต่อไป คดีที่ 3 ก็คดีชันสูตรศพ ว่ามีร่องรอยการทำร้ายร่างกาย ถูกซ้อม ถูกยิงอย่างไร อันนี้ต้องรอความเห็นจากแพทย์ที่จะสรุปให้ภายในอาทิตย์หน้าอีกครั้ง ถึงจะชี้แจ้งข้อเท็จจริงให้ทุกคนได้รับทราบได้ เดี๋ยวนี้กลุ่มค้ายามักมีรูปแบบต่างๆ ในการลอบลำเลียงยาเสพติดไปส่งให้ลูกค้า เคสนี้ก็มีการให้คนที่มีหน้ามีตาในสังคมที่หน้าฉากเป็นคนดีในสังคม ลอบส่งยา ก็เป็นตัวอย่างหนึ่งที่สังคมจะได้เห็น ตอนนี้ขอเวลาตำรวจทำงานอย่างรอบครอบในคดี เพื่อจะให้คดีเกิดความเป็นธรรมต่อทุกฝ่าย

ด้าน พล.ต.ต.ภาณุเดช บุญเรือง รอง ผบช.ภ.5 เปิดเผยเพิ่มเติมว่า ตอนนี้การขยายผลการจับกุมยาเสพติด ก็กำลังเริ่มดำเนินการแต่เราพอรู้แล้วว่ายาเสพติดมาจากกลุ่มว้า และระเบิดที่พบในที่เกิดเหตุก็มีทั่วไปในพื้นที่นั้น กลุ่มคนที่นำยามาส่งให้นายชัยภูมิ ตอนนี้ก็หลบหนีไปอยู่ฝั่งประเทศเพื่อนบ้าน เราก็กำลังตามหาพยานและหลักฐานเพื่อเอาผิดกลุ่มคนเหล่านี้เพิ่มเติมด้วย

ร่วมแสดงความคิดเห็น