ททท.เปิดแผน รุกนักท่องเทื่ยวจีนเพิ่มอีก

เดินหน้าต่อ ททท.ดันท่องเที่ยวไตรมาสสองต่อเนื่อง ตั้งเป้ารายได้ 6.3 แสนล้าน รุกเพิ่มรายได้ตลาดจีน พบทัวร์รายใหญ่จีน “ไชน่า ทราเวล เซอร์วิส” หนุนนักท่องเที่ยวคุณภาพ ตลาดอินเซนทีฟ-เมดิคัลทัวริซึ่ม

นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กล่าวว่าช่วงไตรมาส 2 คาดการณ์รายได้รวมไว้ 6.3 แสนล้านบาท ขยายตัว 11% แบ่งเป็นรายได้จากตลาดต่างประเทศ 4 แสนล้านบาท ขยายตัว 11% จากจำนวนนักท่องเที่ยว 8.02 ล้านคน ขยายตัว 6% ส่วนตลาดไทยจะสร้างรายได้ราว 2.3 แสนล้านบาท ขยายตัว 9% โดยมีนักท่องเที่ยว 40 ล้านคนครั้ง ขยายตัว 5%

นางศรีสุดา วนภิญโญศักดิ์ รองผู้ว่าการด้านตลาดเอเชียและแปซิฟิกใต้ ททท.กล่าวว่า ขณะนี้ททท.ร่วมต้อนรับบริษัทซีทีเอส (ไชน่า ทราเวล เซอร์วิส) ซึ่งเป็นบริษัทนำเที่ยวรายใหญ่ภายใต้การลงทุนของรัฐบาลจีน ซึ่งนำบริษัทรีเทลในเครือข่ายประมาณ 2,000 คนมาท่องเที่ยวและสำรวจสินค้าในประเทศไทยที่พัทยา เข้าพักที่โรงแรมเคปดารา

โดย ททท.มีนัดหมายพบปะกับผู้บริหารระดับสูงของบริษัทที่จะเดินทางมาครั้งนี้ด้วย พร้อมถือโอกาสตอกย้ำเรื่องการส่งเสริมทัวร์ถูกกกฎหมาย ผลักดันลูกค้ากลุ่มคุณภาพ เนื่องจากซีทีเอสเป็นบริษัทใหญ่ ปัจจุบันมีการขายในระดับที่หลากหลายตั้งแต่ราคาประหยัดถึงราคาสูง

สำหรับประเด็นที่หารือมี 2 เรื่องสำคัญ คือ 1.ต้องการให้ซีทีเอส ช่วยส่งเสริมทัวร์อินเซนทีฟ (ท่องเที่ยวเป็นรางวัล) จากบริษัท, ห้างร้าน หรือโรงงานขนาดใหญ่ และหากเป็นไปได้ขอให้ส่งเสริมการจัดงานประชุมระดับผู้บริหาร ซึ่งจำนวนอาจจะไม่มาก แต่เน้นเป็นกลุ่มที่มีกำลังใช้จ่ายต่อหัวสูง เนื่องจากจีนมีบริษัทใหญ่หลากหลายอุตสาหกรรม เช่น เคมีภัณฑ์, เครื่องสำอาง, ผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้า

หากเป็นกลุ่มอินเซนทีฟขนาดใหญ่หลักพันคนขึ้นไป จะนำเสนอความพร้อมของแหล่งท่องเที่ยวหลักที่มีศักยภาพรองรับ และเป็นที่ชื่นชอบของกลุ่มทัวร์จีนอยู่แล้ว เช่น พัทยา และภูเก็ต ซึ่งมีสนามบินเจาะเข้าทำเลท่องเที่ยวได้ตรง พร้อมนำเสนอเป็นพิเศษให้เข้าไปยังจังหวัดในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ที่มีความสามารถรับกรุ๊ปทัวร์ขนาดใหญ่ เนื่องจาก ททท.กำลังดำเนินการกระจายรายได้ไปยังภูมิภาคนี้

แต่หากเป็นกลุ่มเอ็กซ์คลูซีฟ หรือ ผู้บริหารที่มาจำนวนจำกัด จะนำเสนอจังหวัดที่เป็นเมืองรอง เช่น 12 เมืองต้องห้ามพลาด ที่มีกลยุทธ์การรองรับที่สอดคล้อง ไม่เน้นการรับตลาดขนาดใหญ่ที่เกินขีดความสามารถ และทำให้เกิดปัญหาแออัด

ดังนั้นจึงเหมาะสมกับตลาดนิชมาร์เก็ต และหากบริษัททัวร์นำเสนอสินค้าเชิงประสบการณ์ท้องถิ่น (Local Experience) ให้กับกลุ่มอินเซนทีฟเหล่านี้ ก็จะได้รับการพิจารณาสนับสนุนเป็นพิเศษ

นอกจากนี้ได้นำเสนอซีทีเอส ให้พิจารณาการส่งเสริมตลาดท่องเที่ยวเชิงแพทย์ (เมดิคัล ทัวริซึ่ม) ซึ่งที่ผ่านมาบริษัทยังไม่ได้จับตลาดนี้อย่างจริงจัง แต่เป็นเทรนด์ที่เริ่มมาแรงมาก ในจีนมีเพียงบริษัทเฉพาะทางเท่านั้นที่จับตลาดนี้ “หากสามารถทำงานร่วมกันได้ ก็จะทำให้ขยายฐานลูกค้าเมดิคัลให้ไทยได้สูง เพราะซีทีเอสมีลูกค้าจำนวนมากในมือ”

นางสาวศุภวรรณ ถนอมเกียรติภูมิ นายกสมาคมโรงแรมไทย (ทีเอชเอ) กล่าวว่าช่วงไตรมาสแรกอัตราเข้าพักเฉลี่ยโรงแรมทั่วประเทศอยู่ที่ 76.5% เติบโตราว 11.06% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน สถานกาณ์ที่ดีที่สุดอยู่ในพื้นที่กรุงเทพฯ, ภาคเหนือ และภาคใต้

คาดการณ์ไตรมาส 2 อยู่ที่กว่า 70% เพิ่มจากปีก่อนที่ 60.25% สำหรับจุดหมายที่ยังได้รับอานิสงส์ ได้แก่ เชียงใหม่ ซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมในช่วงสงกรานต์

อย่างไรก็ตามไตรมาส 2 ยังมีปัจจัยท้าทายธุรกิจอยู่ที่การแข่งขัน จากห้องพักนอกกฎหมายจำนวนมาก เพราะจากการสำรวจอุปทานในปัจจุบันพบว่ามีห้องพักที่จดทะเบียนถูกต้องเพียง 25% เท่านั้น แต่ด้วยการเติบโตของตลาดจีนและฟื้นตัวของรัสเซีย เชื่อว่าจะยังทำให้ธุรกิจโรงแรมประคองสถานการณ์ในช่วงโลว์ซีซันต่อไปได้ โดยเฉพาะในภาวะที่ตลาดจีนกำลังมองหาจุดหมายใหม่ทดแทนเกาหลีใต้ ซึ่งมีข้อพิพาททางการเมือง และทำให้รัฐบาลจีนสั่งห้ามการขายแพ็คเกจทัวร์ไปยังเกาหลีใต้ และบริษัทนำเที่ยวจึงยกไทยเป็นตัวเลือกทดแทน

ร่วมแสดงความคิดเห็น