ตำรวจภูธร จ.เชียงใหม่ เปิดไอเดียเจ๋ง แห่งแรกของภาคเหนือ ดึงมวลชนร่วมแชร์คลิป แชร์ภาพในโลกออกไลน์ มาให้ตำรวจแก้ปัญหาจราจร ลดอุบัติเหตุ ป้องกันอาชญากรรม ดีกว่าเป็นนักเลงคีย์บอร์ด
เมื่อเวลา 13.00 น.วันที่ 28 เม.ย.60 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ทางตำรวจภูธร จ.เชียงใหม่ ได้ออกแนวคิดและไอเดียแบบใหม่ ให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการป้องกันอาชญากรรม แก้ไขปัญหาจราจรและสังคม ด้วยการนำเทคโนโลยีทั้งกล้องหน้ารถ กล้องจากโทรศัพท์มือถือ มาแชร์ภาพ แชร์คลิป ส่งมาให้เจ้าหน้าที่ เพื่อใช้เป็นหลักฐาน ใช้เป็นข้อมูลในการแก้ไขปัญหาให้สังคมดีขึ้น ซึ่งถือเป็นแห่งแรกของภาคเหนือที่ได้เริ่มทำขึ้น ต่อมาผู้สื่อข่าวจึงได้ติดต่อสอบถามข้อมูลไปที่ตำรวจภูธร จ.เชียงใหม่
โดยทาง พ.ต.ท.หญิง สีดาทิพย์ สุนตาอินทร์ สารวัตรงานการข่าวและเทคโนโลยีสารสนเทศ ตำรวจภูธร จ.เชียงใหม่ เปิดเผยว่า สำหรับการเปิดโอกาสให้ประชาชนได้ร่วมกันแชร์ภาพ และคลิป มายังเฟชบุ๊คของตำรวจภูธร จ.เชียงใหม่ ที่ www.facebook.com/policecmchiangmai นั้น อยากสื่อให้ประชาชนเข้าใจว่า การสื่อสาร เป็นการเชื่อมความร่วมมือเพื่อสร้างสังคมสงบสุข ในวันที่สังคมกำลังใช้อารมณ์มากกว่าความมีเหตุผล ความใจเย็น มาพูดคุย มาตัดสิน มาโพสต์ข้อความลงหน้าเพจ หน้าเว็บ หรือตามแหล่งโซเชียลต่างๆ
จึงอยากให้ทุกคนมีเหตุผล รอฟังเหตุผลแล้วค่อยตัดสิน การเปิดโอกาสตรงนี้น่าจะช่วยเชื่อมความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างกันสำหรับตำรวจและประชาชนให้ดีขึ้น ให้ประชาชนได้เข้าถึงตำรวจ และตำรวจเข้าถึงประชาชน เพราะทุกวันนี้เชื่อว่าทุกคนอยากมีส่วนช่วยสังคม ซึ่งดูได้จากการโพสต์คลิปต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นเหตุการณ์เกี่ยวกับการจราจร รถติด อุบัติ เหตุ หรือเหตุการณ์ต่างๆ ที่พบเจอ แล้วก็มีการแชร์ภาพ แชร์คลิปต่างๆ ไป เพื่อให้สังคมได้รับรู้ว่าในขณะนั้น เวลาในตอนนั้นเกิดอะไรขึ้นบ้าง หากได้ข้อมูลและหลักฐานมา สิ่งไหนที่สามารถดำเนินการจับกุมผู้กระทำความผิดที่มีหลักฐานได้ชัดเจน
อย่างกรณีสวมหมวกกันนิรภัย หรืออาจจะเป็นคลิปเหตุการณ์ของผู้ที่ก่อเหตุอาชญากรรมต่างๆ ที่เจ้าหน้าที่สามารถติดตามจับกุมได้ทันที ก็จะทำให้จับกุมผู้ต้องหาได้รวดเร็วขึ้น ซึ่งช่วยกันป้องกันอาชญากรรม และลดอุบัติเหตุจราจร แก้ไขปัญหาสังคมดีกว่าปล่อยให้เหตุการณ์เกิดขึ้นแล้วค่อยแก้ไข ดีกว่าการเป็นนักเลงคีย์บอร์ดโพสต์ต่อว่ากันแล้วไม่ได้แก้ปัญหาอะไร หากนำเทคโนโลยีมาใช้อย่างถูกต้อง ก็สามารถช่วยเหลือสังคมได้
ดังนั้นจึงอยากให้ประชาชนทุกคน ซึ่งมีมากกว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจ เข้ามาเหมือนจิตอาสา มีการนำภาพมาแชร์ให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจ เป็นหูเป็นตาแก่สังคม สะท้อนสังคมในสิ่งที่ดี และไม่ดี ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ก็จะได้รู้ว่าเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้น และจะช่วยเหลือประชาชนได้อย่างไร และประชาชนก็จะได้รู้สึกมั่นใจได้ว่า เหตุการณ์ที่เขาโพสต์ไป หรือแชร์กันต่อๆ มานั้น เหตุการณ์แท้จริงเป็นอย่างไร ได้รับการแก้ไขอย่างไร หรือนำคลิปมาเตือนสังคมก็ได้ เจ้าหน้าที่ตำรวจในเชียงใหม่ มีเพียง 3,600 คน ถ้าเทียบกับประชาชนที่มีกว่า 1.8 ล้านคน ถือว่าน้อยมาก หากได้ประชาชนมาช่วยเหลือสังคม ก็จะทำให้สังคมเข้มแข็งขึ้น
จากตรงนี้ จะมีคนดีๆ ช่วยเป็นหูเป็นตาแก่สังคม โดยที่เขาเองก็จะได้ความรู้ความเข้าใจกระบวนการทางกฎหมายไปด้วย เพราะทุกคนต่างก็ต้องใช้ชีวิตภายใต้กฎหมาย ประเทศไทยคือกฎหมายลายลักษณ์อักษร ที่มีการตราบัญญัติอย่างชัดเจนที่เจ้าหน้าที่ตำรวจมีหน้าที่ในการบังคับใช้ แต่การบังคับใช้จะเกิดประสิทธิภาพสูงสุด ก็ต้องมีหลักฐานที่ถูกต้อง จุดนี้เองที่ประชาชนเข้ามาช่วยตำรวจได้ เข้ามามีส่วนร่วมในการจัดการสังคมได้ เพราะสังคมนี้คือสังคมของประชาชน ตำรวจมีหน้าที่พิทักษ์และรับใช้ประชาชน ซึ่งประชาชนอยากมีส่วนร่วมช่วยจัดการบ้านเมืองให้ดีขึ้น ตำรวจเองก็อยากได้พยานหลักฐานมาช่วยกัน
บางครั้งเหตุการณ์บางเหตุการณ์ โดยเฉพาะด้านอุบัติเหตุ บางคนก็กล่าวอ้างว่าเจ้าหน้าที่ไปเข้าข้างฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง แต่หากมีคลิปที่เป็นหลักฐานจากประชาชนที่ส่งมา ก็จะทำให้เหตุการณ์กระจ่างมากขึ้น และสังคมจะได้รับรู้ว่าเป็นอย่างไร ไม่ใช่การกล่าวอ้างและใช้อารมณ์ส่วนตัวมากกว่าพยานหลักฐานในการกล่าวหา ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจก็เหมือนกับประชาชน แต่มีหน้าที่ต้องรับใช้ประชาชน แม้จะถูกด่า ถูกกล่าวหา ก็ต้องทน เพราะหน้าที่ แต่สิ่งที่ทำได้คือให้สังคมอยู่อย่างสงบ และให้ความเป็นธรรมกับทุกเรื่องที่เกิดขึ้น
ส่วนคลิปหรือภาพไหนที่ส่งมา หรือแชร์มา ก็สามารถบอกกับเจ้าหน้าที่ได้ว่า ต้องการเปิดเผยข้อมูลหรือไม่ว่าผู้แชร์เป็นใคร หากไม่ต้องการเปิดเผยก็จะมีการปกปิดให้ เพราะบางคนก็กลัวว่าจะเกิดอะไรขึ้น ตรงนี้เจ้าหน้าที่ยืนยันว่าจะไม่ส่งผลกระทบต่อประชาชนแน่นอน ซึ่งเชื่อว่าหลังจากนี้จะมีประชาชนแชร์คลิป แชร์ภาพมาเป็นจำนวนมากแน่นอน แม้เจ้าหน้าที่ตำรวจจะต้องทำงานหนักมากขึ้น แต่ก็ยินดีเพราะตำรวจก็ได้คลิป ได้ภาพเหตุการณ์ที่จะนำมาใช้ในการป้อง กัน ปกป้องประชาชนมากขึ้นเช่นกัน
ร่วมแสดงความคิดเห็น