กรมการขนส่งทางบก จับมือหลายฝ่าย หาแนวทางแก้ปัญหา Uber – Grab car

กรมการขนส่งทางบก ร่วมกับ ทหาร ตำรวจ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง พิจารณาหาแนวทางในการแก้ไขปัญหาการใช้รถยนต์ส่วนบุคคลมารับจ้างอย่างผิดกฎหมาย พร้อมขอความร่วมมือผู้ขับรถแท็กซี่ในระบบให้บริการอย่างมีคุณภาพ ปลอดภัย กรณีพบรถที่ต้องสงสัยว่าเป็นรถ UBER หรือ Grab car ให้แจ้งเจ้าหน้าที่เพื่อดำเนินการตามกฎหมายอย่างเข้มงวด ระบุ!!! ภาครัฐอยู่ระหว่างเร่งศึกษาความเหมาะสมและความเป็นไปได้ในการพัฒนารูปแบบการให้บริการแท็กซี่ที่มีความหลากหลายโดยจะคำนึงถึงประโยชน์สาธารณะและประชาชนเป็นสำคัญ

นายสนิท พรหมวงษ์ อธิบดีกรมการขนส่งทางบก เปิดเผยถึงเหตุการณ์กลุ่มคนขับแท็กซี่ทำการรุมล้อมรถยนต์คันหนึ่งที่เชื่อว่าเป็น UBER หรือ Grab Car ณ ท่าอากาศยานเชียงใหม่ โดยเจ้าหน้าที่ได้เข้าตรวจสอบตามแนวทางปกติและเป็นไปตามมาตรการบังคับใช้กฎหมายและมาตรการรักษาความปลอดภัยโดยทั่วไปตามหลักสากล ซึ่งเมื่อตรวจสอบแล้วพบว่า รถคันดังกล่าวมิได้มีการนำมาใช้บริการในลักษณะรับจ้าง จึงได้แจ้งวัตถุประสงค์ของการตรวจสอบ พร้อมกล่าวขอโทษกับผู้ขับรถและผู้โดยสารด้วยความสุภาพ ทั้งนี้ จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ณ ท่าอากาศยานนานาชาติเชียงใหม่ กรมการขนส่งทางบกตระหนักและให้ความสำคัญกับการกำกับ ดูแล การให้บริการขนส่งสาธารณะทางถนนให้มีความปลอดภัยต่อประชาชนสูงสุด เพื่อไม่ให้เกิดการกระทบกระทั่งกันหรือความขัดแย้งที่อาจรุนแรง ส่งผลกระทบต่อความปลอดภัยของประชาชนและภาพลักษณ์ของประเทศ กรมการขนส่งทางบก โดยสำนักงานขนส่งจังหวัดเชียงใหม่ ได้มีการประชุมหารือร่วมกับจังหวัดเชียงใหม่ ตำรวจภูธรเชียงใหม่ มณฑลทหารบกที่ 33 การท่าอากาศยานเชียงใหม่ ภาคการศึกษาและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อพิจารณาแนวทางในการแก้ไขปัญหาการใช้รถยนต์ส่วนบุคคลมารับจ้างอย่างผิดกฎหมาย และได้ร่วมกันลงพื้นที่เข้มงวดการบังคับใช้กฎหมาย สร้างความรับรู้ความเข้าใจให้กับประชาชนใช้บริการรถสาธารณะที่ถูกต้องตามกฎหมาย รวมทั้งเน้นย้ำกับรถสาธารณะในพื้นที่ให้แจ้งเจ้าหน้าที่เมื่อพบเห็นการให้บริการโดยใช้รถยนต์ส่วนบุคคล และกำชับให้งดเว้นพฤติกรรมอันจะก่อให้เกิดความเดือดร้อนรำคาญ อย่างต่อเนื่องมาโดยตลอด โดยเมื่อวันที่ 21 มิถุนายน 2560 ได้หารือร่วมกันระหว่างสำนักงานขนส่งจังหวัดเชียงใหม่ การท่าอากาศยานเชียงใหม่ ตำรวจ ทหาร และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง พร้อมกับผู้ประกอบการรถเเท็กซี่ รถบริการสนามบิน รถตู้ปรับอากาศประจำทาง (City Shuttle Bus) โดยได้ขอความร่วมมือผู้ประกอบการรถสาธารณะงดเว้นพฤติกรรมรุมล้อมรถที่ต้องสงสัยว่าเป็นรถ UBER หรือ Grab car กรณีพบรถยนต์ที่สงสัยให้แจ้งต่อเจ้าหน้าที่ เพื่อทำการตรวจสอบจับกุมและลงโทษผู้ขับรถตามข้อหาความผิดอย่างเข้มงวด ทั้งนี้ หากตรวจพบพฤติกรรมรุมล้อมรถอีก สำนักงานขนส่งจังหวัดเชียงใหม่จะได้พิจารณาลงโทษทั้งผู้ขับรถและผู้ประกอบการอย่างเข้มงวดเช่นกัน นอกจากนี้ การท่าอากาศยานเชียงใหม่จะจัดทำป้ายประชาสัมพันธ์เพื่อสร้างความเข้าใจต่อประชาชนและนักท่องเที่ยว เพื่อทราบถึงการใช้บริการรถสาธารณะที่ได้จัดเตรียมไว้ให้ พร้อมจัดทำป้ายประชาสัมพันธ์ภายในอาคารผู้โดยสารเป็นภาษาไทย ภาษาอังกฤษ และภาษาจีนต่อไป

อธิบดีกรมการขนส่งทางบก กล่าวเพิ่มเติมว่า ในทางคู่ขนาน กรมการขนส่งทางบกได้ชี้แจงทำความเข้าใจ ประชาสัมพันธ์แนะนำการใช้บริการรถโดยสารที่ถูกกฎหมายแก่ประชาชน และกวดขันจับกุมผู้ให้บริการผิดกฎหมายทั้งรถนอกระบบและรถแท็กซี่ในระบบที่กระทำความผิดทุกกรณี เช่น คนขับรถไม่มีใบอนุญาตขับรถสาธารณะ เก็บอัตราค่าโดยสารไม่เป็นไปตามที่กฎหมายกำหนด ไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไขประกอบการ เอาเปรียบผู้โดยสาร เพื่อปกป้องคุ้มครองสิทธิประโยชน์ และเพื่อความปลอดภัยของประชาชนโดยไม่เลือกปฏิบัติ สำหรับผู้ให้บริการแอพพลิเคชั่น กรมการขนส่งทางบกยืนยันว่าสามารถกระทำได้แต่ต้องเป็นการเรียกให้รถแท็กซี่ที่จดทะเบียนถูกต้องตามกฎหมายเท่านั้น และกรมการขนส่งทางบกพร้อมให้การสนับสนุนเพื่อเพิ่มทางเลือกและประโยชน์สูงสุดของประชาชน ส่วนผู้ให้บริการแอพพลิเคชั่นที่ยังไม่มีกฎหมายรองรับ เช่น UBER หรือ Grab Car กระทรวงคมนาคมได้แต่งตั้งคณะทำงานพิจารณากำหนดแนวทางนำแอพพลิเคชั่นมาใช้กับระบบการขนส่ง ประกอบด้วยผู้แทนจากกระทรวงคมนาคม กรมการขนส่งทางบก กรมสรรพากร กองพลที่ 1 รักษาพระองค์ มณฑลทหารบกที่ 11 กองบัญชาการตำรวจนครบาล และ สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งทางบกและจราจร โดยปัจจุบันอยู่ระหว่างดำเนินการจัดจ้างที่ปรึกษา เพื่อทำการศึกษารูปแบบ แนวทางการแก้ไขปัญหา กรณีการนำรถยนต์ส่วนบุคคลมาให้บริการในรูปแบบรถแท็กซี่ผ่านการให้บริการโดยแอพพลิเคชั่น โดยกำหนดขอบเขตการศึกษาถึงผลดีผลเสียของการนำรถยนต์ส่วนบุคคลมาให้บริการในรูปแบบรถแท็กซี่ทั้งในประเทศและต่างประเทศ ผ่านแอพพลิเคชั่นต่างๆ วิเคราะห์ผลกระทบที่เกิดขึ้นต่อระบบแท็กซี่เดิม เพื่อให้ได้แนวทางการแก้ไขปัญหาในระยะเร่งด่วน ระยะกลาง และระยะยาว ตลอดจนแนวทางการแก้ไขปัญหา โดยคำนึงถึงประโยชน์สาธารณะและการยอมรับของประชาชน ซึ่งหากผลการศึกษาดังกล่าวแล้วเสร็จ กรมการขนส่งทางบกจะได้เร่งดำเนินการทำความเข้าใจและประชาสัมพันธ์ให้กับผู้ขับรถยนต์รับจ้างสาธารณะ เพื่อจะได้ดำเนินการได้อย่างถูกกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องต่อไป ลดความขัดแย้งของผู้ให้บริการ และมีทางเลือกให้กับผู้ใช้บริการได้มากยิ่งขึ้น

อธิบดีกรมการขนส่งทางบก กล่าวเพิ่มเติมอีกว่า กรมการขนส่งทางบก ได้ดำเนินการตามนโยบายรัฐบาลที่จะยกระดับคุณภาพการให้บริการรถแท็กซี่สาธารณะ ทั้งในกรุงเทพมหานครและต่างจังหวัด โดยได้จัดทำโครงการ TAXI OK / TAXI VIP เป็นการยกระดับการให้บริการแท็กซี่ในปัจจุบัน โดยการติดตั้ง GPS Tracking และอุปกรณ์ส่วนควบอื่นๆ เพื่อสร้างความเชื่อมั่น และความมั่นใจในด้านความปลอดภัยในการเลือกใช้บริการรถแท็กซี่ในระบบ โดยเสนอแก้ไขกฎกระทรวงเกี่ยวกับรถแท็กซี่ทั้งสองฉบับ ผ่านความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรีแล้ว เมื่อวันที่ 23 สิงหาคม 2559 และอยู่ในขั้นตอนสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาส่งเรื่องให้กรมการขนส่งทางบก พิจารณายืนยันก่อนส่งให้กระทรวงคมนาคมลงนามและประกาศในราชกิจจานุเบกษาได้ภายในเดือนมิถุนายน 2560 คาดว่าจะมีผลบังคับใช้ภายในเดือนตุลาคมนี้ สำหรับ โครงการ TAXI OK เป็นการยกระดับการให้บริการแท็กซี่ในปัจจุบัน โดยการติดตั้ง GPS Tracking พร้อมอุปกรณ์แสดงตัวผู้ขับรถ, กล้อง CCTV, มีปุ่มฉุกเฉิน (ส่งข้อมูล Online มาที่ศูนย์ GPS ทันที), มีระบบแจ้งเตือนการใช้ความเร็ว รวมถึงจัดทำระบบเรียกใช้บริการผ่านแอพพลิเคชั่นทางโทรศัพท์มือถือ เพื่อตอบโจทย์การเข้าถึงการให้บริการ ส่วนโครงการ TAXI VIP หรือรถแท็กซี่ชนิดพิเศษ เป็นการเพิ่มทางเลือกในการให้บริการของประชาชน โดยใช้รถที่มีมาตรฐานขนาดตัวรถและสมรรถนะที่สูงกว่ารถแท็กซี่ทั่วไป เพิ่มอุปกรณ์ส่วนควบสำหรับให้บริการที่มีความสะดวกมากขึ้น เพิ่มเติมจากข้อกำหนดการติดตั้งเครื่องมือ อุปกรณ์ส่วนควบตามโครงการ TAXI OK และมีมาตรค่าโดยสารที่สามารถแสดงตำแหน่งเมื่อผู้โดยสารเริ่มใช้บริการและสิ้นสุดการใช้บริการ และผู้ประกอบการต้องเป็นนิติบุคคล มีความพร้อมทางธุรกิจ มีแผนการประกอบการแบบมืออาชีพ เป็นการเพิ่มโอกาส เพิ่มทางเลือกให้กับประชาชนผู้ใช้บริการ ด้านผู้ขับรถต้องผ่านการคัดกรอง โดยการตรวจสอบประวัติอาชญากรรมจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และต้องผ่านกระบวนการทดสอบใบอนุญาตขับรถสาธารณะ ผ่านการทดสอบขับรถจริงบนถนน พร้อมมีประวัติในฐานข้อมูลประวัติผู้ขับรถสาธารณะของกรมการขนส่งทางบกทุกคน

อธิบดีกรมการขนส่งทางบก กล่าวทิ้งท้ายว่า กรมการขนส่งทางบกได้กำชับคณะทำงานจัดระเบียบรถสาธารณะในทุกจังหวัดซึ่งประกอบด้วยสำนักงานขนส่งจังหวัด ทหาร ตำรวจ และหน่วยงานจังหวัด ให้ลงพื้นที่อย่างต่อเนื่องเพื่อสร้างความรับรู้ความเข้าใจให้กับประชาชนได้รับทราบและใช้บริการรถสาธารณะที่ถูกต้องตามกฎหมาย รวมทั้งเน้นย้ำกับรถสาธารณะในพื้นที่ให้แจ้งเจ้าหน้าที่เมื่อพบเห็นการให้บริการโดยใช้รถยนต์ส่วนบุคคล และกำชับให้งดเว้นพฤติกรรมอันจะก่อให้เกิดความเดือดร้อนรำคาญดังเช่น กรณีเหตุที่เกิดขึ้นที่จังหวัดเชียงใหม่ หรือที่จังหวัดชลบุรี เป็นต้น ซึ่งหากพบว่ามีพฤติกรรมดังกล่าวจะพิจารณาลงโทษขั้นเด็ดขาดทั้งผู้ขับรถและผู้ประกอบการ รวมทั้งติดตามเฝ้าระวังเพื่อไม่ให้เกิดการกระทบกระทั่งกันระหว่างรถสาธารณะในระบบและรถส่วนบุคคลที่นำมารับจ้างผ่านแอพพลิเคชั่น สำหรับประชาชนที่พบปัญหาจากการใช้บริการสามารถร้องเรียนทางสายด่วน 1584 ตลอด 24 ชั่วโมง อธิบดีกรมการขนส่งทางบก กล่าวในที่สุด

ร่วมแสดงความคิดเห็น