สนช.จับมือ อุทยานวิทย์ฯเหนือ –หอการค้า เดินหน้าขับเคลื่อนสร้าง Startup เฟส 2

สนช.จับมือ อุทยานวิทย์ฯเหนือ –หอการค้า เดินหน้าขับเคลื่อนสร้าง Startup เฟส 2 หวังเพิ่มมูลค่ากระตุ้นเศรษฐกิจให้เข้มแข็งไม่น้อยกว่า1,000 ล้านบาทใน 3-5 ปีนี้

ที่หอศิลปวัฒนธรรมมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ในเวทีเสวนา Northern Innovative Startup Thailand (NIST) : From Batch 1 to Batch 2 เพื่อเดินหน้าขับเคลื่อนสร้างผู้ประกอบการหน้าใหม่ภายใต้ความร่วมมือแบบประชารัฐและนโยบายรัฐบาล โดยมี นายนายชาญวิทย์ รัตนราศรี ผู้จัดการฝ่ายโครงการพิเศษ สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ(สนช.) พร้อมด้วย ผศ.ดร.เกษมศักดิ์ อุทัยชนะ รอง ผอ.อุทยานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยเชียงแม่และ ดร.กอบกิจ อิสรชีววัฒน์ รองประธานหอการค้า จ.เชียงใหม่ ร่วมเสวนาให้ความรู้และแนวทางการดำเนินการแก่ผู้สนใจ ทั้งนี้นายชาญวิทย์กล่าวว่า รัฐบาลมีมาตรการสนับสนุนธุรกิจที่ใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมในการดำเนินธุรกิจหลายๆอย่าง เพื่อสร้างความเข้มแข็งและขีดความสามารถในการแข่งขันในอนาคต

โดยเฉพาะกลุ่มธุรกิจ Startup ทั้ง 9 กลุ่มหลักๆ ได้แก่ ธุรกิจเกษตรและอาหาร ธุรกิจการแพทย์และสาธารณสุข ธุรกิจการเงินและการธนาคาร ธุรกิจอุตสาหกรรมการศึกษา ธุรกิจการท่องเที่ยว ธุรกิจไลฟ์สไตล์ ธุรกิจพาณิชยกรรมอิเล็กทรอนิกส์ ธุรกิจภาครัฐ/การศึกษา และธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ สนช.จึงมีนโยบายขับเคลื่อนต่อเนื่องและได้สนับสนุนงบประมาณในด้านนี้ในภาคเหนืออีกไม่น้อยกว่า 50-60 ล้านบาทจากกว่า 600 ล้านบาทที่ทำทั่วประเทศ แน่นอนว่าในห้วง 3-5 ปีจากนี้ก็คาดหวังว่าจะมีธุรกิจกลุ่มนี้เติบโตได้กว่า 200 ราย

ขณะที่ผศ.ดร.เกษมศักดิ์ กล่าวว่า จากความสำเร็จในเฟสแรกก็ได้มีการหารือของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อเดินหน้าเฟสที่ 2 เน้นให้ startup ต่างจากเดิมคือนอกจากได้รับความรู้แล้วก็จะให้มีแผนธุรกิจเพื่อขอแหล่งทุนต่างๆ ได้ โดยเน้นเอาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีมาทำมากขึ้นคาดหวังว่าจะได้กลุ่มนี้อีก 40-50 รายทำมูลค่าเศรษฐกิจได้ 800-1,000 ล้านบาทใน 3-5 ปีจากนี้ โดยที่อุทยานวิทย์ฯ ก็จะเป็นส่วนประสานด้านงานวิจัยต่างๆ นำไปสู่ผู้ประกอบการไปปฏิบัติตามภารกิจให้เป็นรูปธรรม

เช่นเดียวกับทางดร.กอบกิจ อิสรชีววัฒน์ รองประธานหอการค้าเชียงใหม่ กล่าวว่า ทางหอการค้ามีกลุ่มธุรกิจใหม่นี้ประมาณ 30 ราย ซึ่งก็ยังผลักดันให้เติบโตในอนาคตอย่างเข้มแข็งและมีมาตรฐานสากลสร้างมูลค่าเศรษฐกิจได้มากขึ้น ตอนนี้มีผู้สนใจรอสมัครจำนวนมาก และรอการขับเคลื่อนเฟสนี้ โดยจะเริ่มเปิดตัวกันยายน-ตุลาคมนี้ ก็เป็นการแจ้งข่าวให้มีการเตรียมพร้อม เพื่อร่วมโครงการนี้

อย่างไรก็ตามภายในปีหน้า กระทรวงวิทยาศาสตร์ฯ ร่วมกับสมาคมสตาร์ทอัพ และ สนช. จะช่วยกันผลักดัน 4 ประเด็นหลัก ซึ่งสอดคล้องกับข้อเสนอจากประชาคมสตาร์ทอัพในสมุดปกขาว ได้แก่ 1. การส่งเสริมธุรกิจ Startup โดยหาทางปรับแก้ไขข้อจำกัดทางกฎหมายและกฎระเบียบต่างๆ ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อสร้างความสะดวกรวดเร็วในการดำเนินธุรกิจ Startup  2. การสร้าง Startup Premiere League โดยสร้างการรับรู้ในวงกว้างว่า Startup คืออะไร เผยแพร่ต้นแบบ Startup ไทยที่ประสบความสำเร็จในระดับโลก 3. การสร้างกำลังแรงงานคุณภาพในธุรกิจสตาร์ทอัพ โดยสนับสนุนบุคลากรคุณภาพสูงในประเทศ (Local Talents)และการดึงดูดบุคลากรคุณภาพสูงจากต่างประเทศ (Foreign Talents) ให้เข้ามาพัฒนาและสร้างธุรกิจ โดยมีเป้าหมายเพื่อสร้างธุรกิจมูลค่าสูง สร้างแรงงานที่มีคุณภาพสูง และยกระดับรายได้ของแรงงาน และ 4. การเจาะตลาดระดับนานาชาติ โดยสนับสนุนให้เกิด Global Startup เนื่องจากนักลงทุนจะสนใจ Startup ที่สามารถทำตลาดระดับโลกได้ ถือเป็นการสร้างเศรษฐกิจไทยให้เติบโตอย่างก้าวกระโดด และช่วยให้ประเทศไทยสามารถพัฒนาศักยภาพในการสร้างผู้ประกอบการที่สามารถเติบโตได้อย่างยั่งยืนต่อไป

ร่วมแสดงความคิดเห็น