นักข่าวสาวเชียงใหม่เจอแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกสูญเงิน โร่แจ้งผู้การสืบสวนภาค 5 ไล่ล่าแก๊งแสบ

เมื่อวันที่ 7 มิ.ย. 61 นางสาวกรรณิกา วชิรโสภาพรรณ อายุ 37 ปี ผู้สื่อข่าวสาวในพื้นที่เชียงใหม่ ได้เดินทางเข้าพบ พล.ต.ต.จารึก ลิ้มสุวรรณ ผบก.สส.ภ.5, พ.ต.อ.ธวัชชัย พงษ์วิวัฒนชัย รอง ผบก.สส.ภ.5 เพื่อแจ้งความหลังถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกให้โอนเงินเป็นค่าเบี้ยประกันรถ โดยได้นำหลักฐานการติดต่อผ่านทางโทรศัพท์มือถือ และแอปพลิเคชั่นไลน์ รวมถึงหลักฐานการโอนเงิน นำมามอบให้กับทางเจ้าหน้าที่ด้วย

นางสาวกรรณิกา วชิรโสภาพรรณ อายุ 37 ปี ผู้สื่อข่าวสาวในพื้นที่เชียงใหม่ ซึ่งเป็นผู้เสียหาย ให้ข้อมูลกับทางเจ้าหน้าที่ว่า ตนได้ทำประกันภัยรถยนต์ของบริษัท วิริยะประกันภัย ผ่านโบกเกอร์คือ บริษัท ซิกสแปน (Slikspan) ต่อมาเมื่อช่วงบ่ายของวันที่ 31 พ.ค. ที่ผ่านมา ได้มีชายโทรศัพท์มาและแอบอ้างว่าโทรมาจากบริษัท ซิกสแปน สอบถามว่าตนได้ทำการต่อประกันไปหรือยัง ซึ่งตนได้ตอบว่าทำการต่อประกันไปแล้ว และปลายสายถามย้ำกลับมาว่าตนได้ทำการต่อกับบริษัท ซิกสแปนหรือไม่ ตนก็ยืนยันว่าใช่ จากนั้นก็รับข้อมูลกลับมาว่า มีลูกค้าที่ทำประกันกับทางบริษัท ซิกสแปน แล้วเอารถไปพลิกคว่ำที่จังหวัดโคราช และทางซิกสแปนได้ให้ลูกค้าสำรองเงินจ่ายก่อน ทำให้ทางศูนย์ฮอนด้า ไม่ยอมรับการเคลมประกันกับทางซิกสแปน จึงให้ทางลูกค้าของซิกสแปนทั้งหมดไปเข้าประกันกับทางฮอนด้าโดยตรง

ตอนนั้นตนก็ยังตอบอะไรไม่ได้มากเพราะกำลังขับรถ หลังจากเวลาผ่านไปประมาณครึ่งชั่วโมง ได้มีผู้หญิงอีกคนหนึ่ง ฟังจากน้ำเสียงแล้วน่าจะอายุมากแล้วโทรมา บอกว่าเป็นโบกเกอร์จากทางซิกสแปน โทรมาขอโทษลูกค้าว่าทางบริษัทฯ ไม่ได้บอกก่อนว่าการเคลมประกันรถของลูกค้าต้องสำรองเงินจ่ายก่อนหากจะนำรถเข้าเคลม และทางบริษัท ฮอนด้า ที่ประจำอยู่สาขาอำเภอสันทราย ได้โทรมาสอบถามหรือยังว่าจะให้ไปอยู่ในกรมธรรม์ของฮอนด้า และบอกว่าตนได้ต่อประกันไปเพียง 30 วัน ทางบริษัท ซิกสแปน สามารถยกเลิกให้ได้ แล้วจะคืนเงินเป็นเช็คให้ภายใน 7 วัน เพราะตอนนี้ทางซิกสแปน กับฮอนด้า ไม่ได้ทำสัญญาร่วมกันจึงไม่สามารถเคลมประกันทั่วประเทศได้ และมีการส่งเอกสารมาทางไลน์ให้ตนด้วย ทำให้ตนหลงเชื่อ เพราะเอกสารที่ส่งมาทางไลน์นั้น มีทั้งทะเบียนรถ และเอกสารการทำประกันทั้งหมดที่เกี่ยวกับรถของตน มีระบุป้ายทะเบียน สีรถ การออกรถในปีไหน และทำประกันที่ไหน เป็นข้อมูลที่ละเอียดมาก หลังจากวางสายแล้วประมาณ 1 ชั่วโมง ก็มีหญิงสาวอีกรายโทรมาบอกว่ามาจากศูนย์ฮอนด้า บอกว่าจะยกเลิกการทำประกันให้ และการจะเปลี่ยนเข้ากรมธรรม์ของฮอนด้า ลูกค้าต้องทำเลยและต้องโอนเงินก่อนเวลา 14.00 น. หากลูกค้าโอนเงิน 7,500 บาท ส่วนที่เหลืออีก 7,500 บาท ค่อยผ่อน ซึ่งจะได้บัตรเติมน้ำมัน 1,500 บาท และกล้องติดหน้ารถ 1 ตัว หลังจากที่ชำระเงินเสร็จแล้ว ก็ไปรอรับกรมธรรม์ที่ศูนย์ฮอนด้า สาขาอำเภอสันทราย ได้ จากนั้นก็รอว่าเช็คจะมาเมื่อไหร่ กระทั่งเมื่อวันที่ 6 มิ.ย. 61 ได้โทรไปสอบถามที่ทางซิกสแปน ก็บอกว่าไม่ทราบเรื่อง และโทรไปสอบถามศูนย์ฮอนด้า ที่อำเภอสันทราย ก็ไม่ทราบเรื่องเช่นกัน ซึ่งตนจึงรู้ว่าถูกหลอกแล้ว จึงได้รีบมาแจ้งความให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการกับกลุ่มแก๊งมิจฉาชีพดังกล่าว
หลังจากนั้น นางสาวกรรณิกา ได้เดินทางไปแจ้งความต่อ ร.ต.อ.กิตติพงศ์ กองแก้ว รองสารวัตร(สอบสวน) สภ.แม่ริม จ.เชียงใหม่ เพื่อให้เจ้าหน้าที่รับเป็นคดีในเรื่องของหลอกลวง ต้มตุ๋น และฉ้อโกง และติดตามจับกุมคนร้ายที่ก่อเหตุมาดำเนินคดีต่อไป
พล.ต.ต.จารึก ลิ้มสุวรรณ ผบก.สส.ภ.5 กล่าวว่า สำหรับเหตุการณ์ครั้งนี้ถือเป็นวิธีการหลอกล่อในรูปแบบใหม่ จากเดิมที่จะอ้างว่าผู้เสียหายมีคดีความที่เกี่ยวข้องกับเรื่องที่ผิดกฎหมาย หรือยาเสพติด แล้วมีการพูดจนทำให้ผู้เสียหายเกิดความกลัว และถูกชักจูงด้วยคำพูดว่าจะสามารถช่วยเหลือได้ แต่ต้องโอนเงินมาให้เพื่อเป็นค่าดำเนินการต่างๆ แล้วให้ไปที่ตู้เอทีเอ็มและดำเนินการตามขั้นตอน แต่กรณีที่เกิดขึ้นนี้เป็นการหลอกทำประกัน ซึ่งเรื่องของเอกสารที่มีการส่งมาให้นั้น ก็ต้องตรวจสอบว่านำมาได้อย่างไร ดังนั้น สิ่งที่เกิดขึ้นถือเป็นรูปแบบใหม่ของแก๊งมิจฉาชีพคอลเซ็นเตอร์ ขณะนี้ก็ได้มอบหมายให้ทางเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนตำรวจภูธรภาค 5 ดำเนินการอย่างเร่งด่วนแล้ว เพราะเชื่อว่ายังมีผู้เสียหายตกเป็นเหยื่ออีกหลายราย และต้องรีบจับกุมมาดำเนินคดีให้เร็วที่สุด ตั้งแต่การโอนเงินไปถึงบัญชีที่รับโอน เส้นทางการกดเงินสดว่าไปกดที่ไหน เพื่อจะได้นำมาเป็นเบาะแสในการติดตามจับกุมแก๊งคอลเซ็นเตอร์นี้ดำเนินคดี เบื้องต้นในด้านคดีก็จะเป็นความผิดฐาน “หลอกลวง ต้มตุ๋น” ไปก่อน แต่หากมีผู้เสียหายจำนวนมาก ก็จะเข้าข่ายฐานความผิด “ฉ้อโกง” และอยากฝากเตือนถึงพี่น้องประชาชนด้วยว่า ที่ผ่านมาหลายคนอาจมองว่าเป็นเรื่องไกลตัว เป็นเรื่องของคนอื่น แต่ปัจจุบันกลุ่มพวกนี้เริ่มที่จะปรับเปลี่ยนวิธีการใหม่ๆ มากขึ้น และกลายเป็นเรื่องใกล้ตัวมากขึ้น หากผู้ที่สงสัยก็ให้ติดต่อสอบถามกับเจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้องโดยตรง อย่าพึ่งหลงเชื่อในสิ่งที่ผู้โทรศัพท์มาได้แจ้งข้อมูลให้ทราบ หรือแจ้งมาที่เจ้าหน้าที่ตำรวจภูธรภาค 5 หรือแจ้งที่สถานีตำรวจในพื้นที่ใกล้บ้านไว้ก่อน เพื่อให้เจ้าหน้าที่ช่วยตรวจสอบ หากท่านตรวจสอบไปตามเบอร์ที่กลุ่มมิจฉาชีพให้มา ท่านก็จะไม่ได้ข้อมูลที่แน่ชัดเหมือนเจ้าหน้าที่ดำเนินการให้ เพราะเบอร์โทรศัพท์สามารถที่จะปลอมแปลงกันได้ เมื่อท่านโทรไปก็จะไปถูกเครือข่ายของแก๊งมิจฉาชีพที่วางคนไว้แล้ว รับสายท่านอีก จึงอยากฝากเตือนและให้ประชาชนเกิดความรอบคอบมากขึ้น และจะได้ไม่เป็นเหยื่อของแก๊งคอลเซ็นเตอร์เหล่านี้

ร่วมแสดงความคิดเห็น