แบกเป้ไปนอนนับดาวที่ “ดอยอ่างขาง”

ใครที่เคยคิดว่าหากจะมีเที่ยวที่ดอยอ่างขาง ต้องขึ้นมาในช่วงฤดูหนาวเท่านั้นถึงจะได้สัมผัสกับอากาศอันแสนหนาวและทุ่งดอกไม้ที่สวยงาม ต่อไปนี้คงต้องเปลี่ยนความคิดแบบเก่า ลบภาพเดิมออกไปจากความทรงจำ เพราะดอยอ่างขางในวันนี้กลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่สามารถเดินทางขึ้นมาเที่ยวได้ทุกฤดูกาล ไม่ว่าจะหนาว ร้อน ฝน
วันเวลาในแต่ฤดูกาลทำให้ดอยอ่างขาง มีเสน่ห์ยวนใจให้คนค้นหา เริ่มจากฤดูหนาวที่อุณหภูมิเฉลี่ย 10 องศาเซลเซียส นักท่องเที่ยวที่ชื่นชอบอากาศหนาวเย็นต้องขึ้นมาเที่ยวในฤดูนี้และโดยเฉพาะความสวยงามของดอกไม้เมืองหนาวที่ปลูกอยู่รายรอบก็ยิ่งเพิ่มเสน่ห์ให้ดอยอ่างขางได้ไม่น้อย สีสันของอ่างขางจะเพิ่มขึ้นเมื่อเริ่มเข้าสู่ฤดูร้อน ต้นไม้ทั้งป่าจะเปลี่ยนสีเป็นอีกบรรยากาศหนึ่งที่นักผจญภัยนิยมขึ้นมาเที่ยวในฤดูนี้ เพราะคนไม่พลุกพล่าน ส่วนในฤดูฝนป่าทั้งป่าจะเขียวขจีสลับกับกลุ่มเมฆหมอกฝนแผ่ปกคลุม ก็เป็นอีกบรรยากาศหนึ่งที่ชวนให้หลงใหล
อ่างขางจึงเป็นแดนมหัศจรรย์ของนักท่องเที่ยวในทุกฤดูกาลมาเที่ยวดอยอ่างขาง ไม่ว่าฤดูไหน นักท่องเที่ยวจะต้องไม่พลาดการเข้าไปสัมผัสวิถีชีวิตของผู้คนบนภูสูง อันมีหลากหลายชนเผ่า เริ่มตั้งแต่หมู่บ้านชาวเขาเผ่ามูเซอบ้านขอบด้ง หมู่บ้านขอบด้งในยามนี้แม้จะมีชีวิตชีวา แต่ก็แฝงไว้ด้วยความสงบนิ่งอยู่ในที บ้านทุกหลังมีควันไฟสีขาวลอยกรุ่นออกมาจากช่องหลังคาที่มุงด้วยหญ้าคา คลุ้งเคล้าปะปนกับไอหมอกฝนที่พัดผ่านมาเป็นระยะ ๆ ที่นี่เองคณะของเราได้รู้จักกับมัคคุเทศก์น้อยที่อาสาเป็นไกด์พาคณะเราเดินชมรอบหมู่บ้าน ที่นี่มีการจำลองบ้านของมูเซอให้นักท่องเที่ยวได้เข้าไปชม ก่อนที่จะไปชมลานจะคึ ซึ่งเป็นลานศักดิ์สิทธิ์ประจำหมู่บ้าน จะมีพิธีในตอนเทศกาลกินวอ หรือประเพณีปีใหม่ของมูเซอ หนุ่มสาวหลายคู่จะมาเต้นกันที่นี่ และมีหลายคู่ที่อยู่กินแต่งงานกันไปก็เนื่องจากการเต้นจะคึนั่นเอง
จากลานจะคึบ้านขอบด้ง เดินลัดเลาะป่าจนมาถึงหมู่บ้านนอแล ซึ่งเป็นหมู่บ้านของชาวปะหล่องที่อยู่ติดชายแดนพม่า บริเวณนี้มีฐานปฏิบัติการทหารตั้งอยู่ จากจุดนี้นักท่องเที่ยวสามารถมองข้ามฝั่งเห็นฐานทัพทหารพม่าตั้งอยู่ห่างไม่เกิน 100 เมตร ถือเป็นสถานที่ ๆ นักท่องเที่ยวนิยมเดินทางมาเที่ยวมากที่สุดแห่งหนึ่งก็ว่าได้
จากหมู่บ้านชายแดนมาถึง สถานีเกษตรหลวงอ่างขาง ที่นี่มีไม้เมืองหนาวมากกว่า 200 ชนิดปลูกอยู่ บางส่วนก็ไว้จำหน่ายสำหรับนักท่องเที่ยว จากแปลงเพาะชำไม้เมืองหนาวเราเดิน ต่อไปยังสวนบอนไซ ซึ่งเก็บรักษาบอนไซ ไม้แคระและสนเมืองหนาวของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ฯ ซึ่งเอกอัครราชทูตหลายประเทศนำมาถวาย รวมทั้งที่หม่อมเจ้าภีศเดช รัชนี ทรงนำมาจากต่างประเทศ โดยปลูกประดับไว้ในหุบเขาสวนหินธรรมชาติอย่างสวยงาม ที่สวนบอนไซยังมีโดมอนุนักษ์และจัดแสดงพืชภูเขาเขตร้อน ภายในโดมมีพรรณไม้ต่างประเทศและไม้พื้นเมืองเขตภูเขาสูงปลูกแต่งในสภาพธรรมชาติ ซึ่งล้วนน่าศึกษาชื่นชมอย่างยิ่ง
ดอยอ่างขางนอกจากจะมีนักท่องเที่ยวขึ้นมาเที่ยวในช่วงฤดูหนาวแล้ว ฤดูร้อนและฤดูฝนก็มีนักท่องเที่ยวขึ้นมาเที่ยวอยู่เป็นจำนวนมาก เพราะอากาศในช่วงหน้าร้อนที่เย็นสบาย ผู้คนไม่พลุกพล่าน อีกทั้งในช่วงหน้าร้อนยังเป็นช่วงฤดูออกผลของผลไม้เมืองหนาวหลายชนิด เช่น บ๊วย ท้อ สาลี่ กีวี เหตุนี้จึงเป็นสิ่งดึงดูดให้นักท่องเที่ยวขึ้นมาเที่ยวอ่างขางมากยิ่งขึ้น ไม่จำเป็นแต่เฉพาะฤดูหนาว ฤดูไหนก็มาเที่ยวอ่างขางได้ ยิ่งถนนหนทางสะดวกสามารถเดินทางมาจากเชียงใหม่ใช้เวลาแค่ 2-3 ชั่วโมงก็ถึงแล้ว
อ่างขางในวันนี้จึงไม่ได้มีชื่อในเรื่องการปลูกฝิ่นอีกแล้ว หากแต่อ่างขางเป็นชื่อของแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่สวยงามที่สุดและสำคัญของเชียงใหม่ไปแล้ว รวมทั้งเป็นแหล่งศึกษาวิถีชีวิตของชาวเขารวมถึงพันธุ์พืชเมืองหนาวและท่องเที่ยวแบบธรรมชาติ ต้องที่ดอยอ่างขางดินแดนมหัศจรรย์ของนักผจญภัย

ร่วมแสดงความคิดเห็น