เที่ยว “ญี่ปุ่น” ไม่ง้อไกด์ ไปไม่ง้อทัวร์ สัมผัสความหนาวของเมืองฮะโกะเนะ เยือนหุบเขานรก Owakudani

ในบรรดาเมืองในฝันของนักเดินทางทั่วทั้งโลก นอกจากประเทศสหรัฐอเมริกา อังกฤษ อิตาลี สวิสเซอร์แลนด์ และออสเตรเลียแล้ว ประเทศญี่ปุ่นก็เป็นอีกหนึ่งเมืองในฝันของใครอีกหลายคน ซึ่งในจำนวนนั้นอาจนับรวมผมไปด้วยด้วยความที่ญี่ปุ่น เป็นมหานครที่มั่งคั่งเป็นศูนย์กลางทางด้านการเงินและการลงทุนที่ใหญ่ที่สุดของเอเชีย ว่ากันว่าคนตะวันตกหากจะศึกษาเรื่องราววิถีชีวิตและประวัติศาสตร์ของคนตะวันออกแล้ว ก็ให้ไปเริ่มที่ประเทศญี่ปุ่น การท่องเที่ยวประเทศญี่ปุ่นไปได้ทุกฤดูกาล แต่สำหรับมือใหม่ที่ไม่มีประสบการณ์เดินทางนั้นเริ่มต้นให้ไปกับคณะทัวร์ ซึ่งปัจจุบันมีบริษัทท่องเที่ยวหลายรายให้บริการนำเที่ยวญี่ปุ่น ในสนนราคาที่พอรับได้คือ 40,000-50,000 บาท แต่สำหรับนักท่องเที่ยวที่ผ่านการเดินทางมาแล้วหลายประเทศ อาจเลือกเดินทางแบบฝรั่ง (Back-Pack) ซึ่งกำลังได้รับความนิยมให้หมู่นักท่องเที่ยวไทย

ประเทศญี่ปุ่น หรือ นิฮงโกะกุ (Hihon-koku) เป็นประเทศที่มีหมู่เกาะน้อยใหญ่กว่า 4,000 เกาะ ตั้งอยู่บนคาบสมุทรแปซิฟิก คำว่า “นิฮงโกะกุ” ในภาษาญี่ปุ่นมีความหมายถึงถิ่นกำเนิดของดวงอาทิตย์ ดังนั้นเราอาจได้ยินชื่อเรียกของญี่ปุ่นอีกชื่อว่า “ดินแดนแห่งอาทิตย์อุทัย”  แหล่งท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมที่สุดคือ การเดินทางไปชมภูเขาไฟฟูจิโงะโกะ (Fuji-goko) หากไม่นับจุดชมวิวภูเขาไฟฟูจิยอดนิยมที่ริมทะเลสาบคะวะงุชิโกะ (Kawaguchiko) เขตจังหวัดยะมะนะชิ (Yamanashi) แล้วจุดชมภูเขาไฟฟูจิที่เมืองฮะโกะเนะ ในจังหวัดคานากาวา ก็มีความสวยงามไม่แพ้กัน โดยการเดินทางเริ่มต้นที่สนามบินนานาชาตินะริตะ นั่งรถไฟฟ้าสายนะริตะเอกซเพรส (narita Express) หรือ NEX ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1.30 นาที ถึงสถานี Shinjuku ที่สถานีชินจูกุจะมีศูนย์บริการข้อมูลท่องเที่ยวเมืองฮะโกะเนะของบริษัทโอะดะคิว มีเจ้าหน้าที่ให้บริการข้อมูลนำเที่ยว ที่พักในเมืองฮะโกะเนะ จากนั้นให้ซื้อบัตรฮะโกะเนะฟรีพาส (Hakone Free Pass) จะสามารถโดยสารรถไฟขบวนด่วน (Express) จากโตเกียวถึงฮะโกะเนะ รวมถึงรถบัสและขึ้นกระเช้าลอยฟ้าได้ฟรี โดยราคาบัตรฟรีพาสท่องเที่ยว 2 วัน อยู่ที่ราคา 5,140 เยน หรือประมาณ 1,400 บาท

จากสถานี Shinjuku นั่งรถไฟโอะดะคิว (Odakyo) สายโอดะวะระ (Odawara Line) วิ่งระหว่างสถานี Shinjuku ในโตเกียวกับสถานีรถไฟฮะโกะเนะยูโมะโตะ (Hakone-Yumoto) ซึ่งออกเดินทางทุก ๆ 10 – 20 นาที ไปจนสุดถึงสถานีโอดะวะระ จากนั้นให้ต่อรถไฟไปยังสถานีฮะโกะเนะยูโมะโตะ อีกประมาณ 10 นาที ก็ถึงเมืองฮะโกะเนะ โดยบัตรฟรีพาสสามารถนั่งรถไฟได้ฟรีตลอดสาย เรียกได้ว่ามีบัตรเดียวเที่ยวคุ้มเมืองฮะโกะเนะ (Hakone) จังหวัดคานากาวา (Kanagawa) เป็นเมืองเล็ก ๆ ในหุบเขา ได้รับการบันทึกเอาไว้ว่าเป็นด่านตรวจของถนนสายเก่าแก่โทไกโด (Old Tokaido) ที่เชื่อมต่อระหว่างภาคตะวันตกและภาคตะวันออกของประเทศญี่ปุ่น ในอดีตเส้นทางสายนี้ตระกูลโทะกุงะวะใช้เดินทางสัญจรระหว่างเมืองเอะโดะกับเกียวโต นอกจากนั้นในเมืองฮะโกะเนะมีตึกโบราณหลายแห่งให้ผู้ที่สนใจประวัติศาสตร์ได้เยี่ยมชม รวมไปถึงสถานที่ท่องเที่ยวอันเกี่ยวข้องกับวัฒนธรรมพื้นบ้านเก่าแก่ของญี่ปุ่น

นอกจากนั้นฮะโกะเนะยังเปรียบเสมือนสถานที่จัดแสดงงานศิลป์ มีสถานที่ท่องเที่ยวทางด้านศิลปะหลายแห่ง เช่น พิพิธภัณฑ์กลางแจ้งแห่งแรกในญี่ปุ่นหรือพิพิธภัณฑ์กลางแจ้งฮะโกะเนะ, พิพิธภัณฑ์เดินเรือริมทะเลสาบอาชิ ,พิพิธภัณฑ์แก้วแบบเวนิส, พิพิธภัณฑ์แซงต์-เตกซูเปรีและเจ้าชายน้อยในฮะโกะเนะ, หอศิลป์โพล่า, พิพิธภัณฑ์ลาลิคแห่งฮะโกะเนะ, พิพิธภัณฑ์ศิลปะนะรุคะวะ (Narukawa Art Museum)
เมื่อไปเยือนฮะโกะเนะ สิ่งหนึ่งที่นักท่องเที่ยวจะต้องไปเที่ยวชมก็คือ อุทยานแห่งชาติ ฟูจิ-ฮาโกเน่-อิสึ (Fuji-Hakone-Izu National Park) อยู่ห่างจากเมืองหลวงโตเกียวไม่ถึง 100 กิโลเมตร และใช้เวลาเดินทางโดยรถไฟสายโอะดะคิว (Odakyo) เพียง 1 ชั่วโมง 50 นาที ก็ถึง ปัจจุบันฮะโกะเนะ จัดเป็นเมืองท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติที่สามารถชื่นชมความงามของธรรมชาติ และดอกไม้นานาพันธุ์หลากสีสันที่เบ่งบานตลอดทั้งปี ทิวทัศน์ที่สวยงามหลากหลาย รวมไปถึงภูเขาไฟฟูจิ (Fuji-goko) ทะเลสาบอะชิ (Lake Ashi) และ หุบเขาโอวาคุดานิ (Owakudani)

หุบเขาโอวาคุดานิ หรือชื่อเดิม Ochigoku ซึ่งแปลว่า “หุบเขานรก” เกิดจากการระเบิดของภูเขาไฟฮะโกะเนะ (Hakone Kasan) เมื่อประมาณ 3,000 ปีที่แล้ว แม้จะไม่มีการระเบิดอีกแล้วแต่ใต้พื้นผิวยังคงมีความร้อนอยู่จึงทำให้น้ำที่อยู่ข้างใต้พวยพุ่งหรือระเหยกลายเป็นไอน้ำออกมาข้างบนตลอดเวลา จึงทำให้มีบ่อน้ำร้อนและเถ้ากำมะถันหลงเหลืออยู่ และที่หุบเขาโอวาคุดานิยังเป็นจุดที่สามารถมองเห็นภูเขาไฟฟูจิอีกด้วย การขึ้นมายังหุบเขาโอวาคุดานิ สามารถเดินทางได้โดยการขึ้นกระเช้าลอยฟ้าที่สถานีโกระ (Gora) นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ที่มาถึงหุบเขานรกแห่งนี้ก็จะต้องซื้อไข่ดำ หรือนำไข่ไปต้มในบ่อน้ำแร่ ด้านนอกของเปลือกไข่จะเป็นสีดำเนื่องจากถูกแร่กำมะถัน คนญี่ปุ่นโบราณมีความเชื่อว่าเมื่อทานไข่ดำ 1 ลูก จะมีอายุยืน 7 ปี

แหล่งท่องเที่ยวสำคัญในเมืองฮะโกะเนะ ที่นักท่องเที่ยวไม่ควรพลาดก็คือ การนั่งเรือล่องทะเลสาบอะชิ (Lake Ashi) ซึ่งเป็นทะเลสาบปากปล่องภูเขาไฟซึ่งดับสนิทแล้ว มีระยะทางรอบทะเลสาบประมาณ 21 กิโลเมตร การล่องเรือชมทะเลสาบอะชิ มีท่าเรือให้บริการนักท่องเที่ยว 3 ท่า ได้แก่ ท่าเรือฮะโกะเนะมะชิ (Hakone-Machi) ท่าเรือโมะโตะฮะโกะเนะ (Moto-Hakone) และท่าเรือโทเง็นได (Togendai) โดยการล่องเรือในทะเลสาบอะชิ ใช้เวลาประมาณ 30 นาที หากมีบัตรฮะโกะเนะฟรีพาสซึ่งรวมค่าบริการล่องเรือฟรีไว้แล้ว ซึ่งนักท่องเที่ยวจะต้องแสดงบัตรก่อนขึ้นเรือ ตลอดสองข้างของทะเลสาบมีทิวทัศน์ที่สวยงามสามารถมองเห็นเสาประตูโทะริอิสีแดง ของศาลเจ้าฮะโกะเนะ (Hakone Shrine) แห่งศาสนาชินโต
ศาลเจ้าแห่งเมืองฮะโกะเนะ สร้างขึ้นในปี ค.ศ.757 และได้รับการดูแลอุปถัมภ์จากโชกุนโยะริโตะโมะ รวมทั้งเหล่าซามูไรชั้นสูงในยุคเซ็งโงะกุ

ทว่าในช่วงสงครามโอะดะวะระศาลเจ้าฮะโกะเนะถูกเผาทำลายลงโดยกองกำลังของท่านฮิเดะโยะชิ จนถึงยุคสมัยของโชกุนอิเอะยะซุจึงได้สร้างศาลขึ้นมาใหม่ในปัจจุบันและรับอนุเคราะห์ไว้เป็นศาลเจ้าแห่งตระกูลโทะกุงะวะ เมืองฮะโกะเนะ นับเป็นเมืองท่องเที่ยวทางธรรมชาติ จุดชมภูเขาไฟฟูจิที่อยู่ใกล้โตเกียว และสามารถเดินทางแบบไปเช้า – เย็นกลับได้ด้วยระบบขนส่งมวลชนที่สะดวก ปลอดภัยและตรงเวลา การเที่ยวในประเทศญี่ปุ่นจึงนับเป็นเรื่องง่ายขึ้นมาอีกเยอะ โดยเฉพาะการไปเที่ยวแบบไม่ง้อไกด์ ไปไม่ง้อทัวร์

บทความโดย
จักรพงษ์ คำบุญเรือง

ร่วมแสดงความคิดเห็น