คนยองป่าซาง

ยอง หรือ ไทยอง เป็นชื่อที่ใช้เรียกกลุ่มคนที่ตั้งบ้านเรือนอยู่ที่เมืองยองและกระจายอยู่ทั่วไปในแถบเมืองต่างๆในรัฐฉานด้านตะวันออกของพม่า เมื่อ พ.ศ.2348 กลุ่มชาวยองได้อพยพเข้ามาตั้งถิ่นฐานในเมืองลำพูน ด้วยสาเหตุของสงครามการรวบรวมกำลังคน ต่อมาได้กระจายอยู่ในเมืองต่างๆของล้านนาเมืองยอง เป็นเมืองที่มีประวัติศาสตร์ตำนานมายาวนาน เริ่มขึ้นในราวพุทธศตวรรษที่ 18 โดยเริ่มจากการตั้งถิ่นฐานของกลุ่มคนพื้นเมือง ได้แก่พวกลัวะ ต่อมาในพุทธศตวรรษที่ 19 มีกลุ่มคนไทจากเมืองเชียงรุ้งนำโดยเจ้าสุนันทะ โอรสของเจ้าเมืองเชียงรุ้งได้พาบริวารเข้ามามีอำนาจปกครองเมืองยองเหนือคนพื้นเมือง ได้ผสมผสานระบบความเชื่อและพิธีกรรมที่มีอยู่เดิมกับพุทธศาสนาที่เข้ามาภายหลัง นอกจากนั้นยังได้สร้างความสัมพันธ์กับคนพื้นเมือง
จากความสัมพันธ์ดังกล่าว คนเมืองยองจึงสืบเชื้อสายมาจากผู้คนที่อพยพมาจากเมืองเชียงรุ้งและเมืองอื่นในสิบสองปันนา ซึ่งเป็นชนชาวไทลื้อ และเมื่ออพยพเข้ามาตั้งถิ่นฐานในเมืองลำพูน คนทั่วไปจึงเรียกว่า “คนเมืองยอง” เช่นเดียวกันคนเมืองเชียงใหม่ คนเมืองลำปาง คนเมืองเชียงตุง เป็นต้น กระทั่งเรียกให้สั้นเหลือเพียง “คนยอง”

การตั้งถิ่นฐานของชาวยองในลำพูน ในระหว่างปี พ.ศ.2325 – 2347 ก่อนการตั้งเมืองลำพูน พระเจ้ากาวิละยังไม่ได้แต่งตั้งให้ผู้ใดเป็นเจ้าเมืองลำพูน ด้านการปกครองยังมีสภาพเป็นส่วนหนึ่งของเมืองเชียงใหม่ จนถึงปี พ.ศ.2348 พระเจ้ากาวิละได้ฟื้นฟูเมืองลำพูนขึ้นอัน เป็นนโยบายในการเตรียมกำลังคนเพื่อสนับสนุนเชียงใหม่ในยามศึกสงคราม นอกจากนี้กำลังคนในเมืองลำพูนก็ลดลงไปในครั้งที่พระเจ้ากาวิละพาไปตั้งที่เชียงใหม่ ล่วงเข้าสู่วันขึ้น 5 ค่ำเดือน 7 พระเจ้ากาวิละได้มอบหมายให้เจ้าคำฝั้นและบริวารจากเมือง 500 คน พร้อมด้วยเจ้าบุญมา น้องคนสุดท้องและบริวารจากเมืองลำปาง 500 คน มีเจ้าเมืองยองพร้อมด้วยบุตรภรรยา น้องทั้ง 4 ญาติพี่น้อง ขุนนาง พระสงฆ์และไพร่พลจากเมืองยอง จำนวน 20,000 คนเข้ามาแผ้วถางเมืองลำพูนที่ร้างอยู่ จนถึงวันขึ้น 8 ค่ำ จึงให้เข้ามาตั้งเมืองลำพูนได้ ในวันตั้งเมืองลำพูนมีพิธีทางศาสนาพระสงฆ์ 198 รูปสวดมงคลพระปริตในที่ไชยะมงคล 9 แห่งในเมืองลำพูน เจ้าเมืองยอง บุตรภรรยา พร้อมด้วยญาติพี่น้องและขุนนาง พระสงฆ์ระดับสูง ได้เข้ามาตั้งบ้านเรือนอาศัยอยู่ทางทิศตะวันออกของน้ำแม่กวง ส่วนไพร่พลอื่นๆได้แยกย้ายกันไปตั้งบ้านเรือนตามลุ่มน้ำแม่ทา น้ำแม่ปิง

อย่างไรก็ตามการตั้งถิ่นฐานของชาวยองจะเป็นการตั้งถิ่นฐานและขยายตัวของชุมชนตามแนวลำน้ำที่เหมาะสมในการเกษตรเป็นสำคัญ จากหมู่บ้านหลักในลุ่มน้ำแม่กวงบ้านเวียงยอง บ้านยู้ บ้านหลวย บ้านตองได้ขยายตัวออกไปเป็นบ้านหลิ่งห้า(ศรีบุญยืน) เขตลุ่มน้ำปิงห่างจนถึงบ้านหนองหมู บ้านป่าลาน ป่าเห็ว เป็นต้น นอกจาการเข้ามาตั้งถิ่นฐานของชาวยองในลำพูน ซึ่งถือเป็นประชากรส่วนใหญ่ของเมืองลำพูนแล้ว ยังปรากฏมีชาวไตเขินจากเชียงตุงมาตั้งถิ่นฐานที่บ้านสันดอนรอมในเขตนอกกำแพงเมืองด้านทิศใต้อีกด้วย ไพร่พลที่อพยพเข้ามาอยู่ในลำพูนนี้ต่อมาได้สืบลูกสืบหลานกลายเป็นประชากรส่วนใหญ่ของลำพูน หากจะเรียกว่าชาวลำพูนส่วนใหญ่สืบเชื้อสายมาจากชาวยองก็คงไม่ผิดนัก บริเวณที่มีการตั้งถิ่นฐานของชาวยองที่สำคัญอีกแห่งหนึ่ง คือบริเวณที่ราบลุ่มน้ำแม่ทา น้ำแม่กวงและน้ำแม่ปิงไหลมาบรรจบกันในเขตอำเภอป่าซางคือ “สบทา” ก็นับเป็นบริเวณที่มีชาวยองมาตั้งถิ่นฐานอยู่เป็นจำนวนมาก เพราะบริเวณแถบนี้นอกจากจะเป็นแหล่งเสบียงอาหารอันอุดมสมบูรณ์ที่ผู้คนตั้งถิ่นฐานอยู่ก่อนแล้ว ยังเป็นเส้นทางคมนาคมทางน้ำที่สำคัญระหว่างเชียงใหม่ ลำพูนกับหัวเมืองต่างๆอีกด้วย โดยเฉพาะพื้นที่ราบลุ่ม บ้านฉางข้าวน้อย อำเภอป่าซางซึ่งถือเป็นหมู่บ้านหลักของผู้คนที่อพยพมาจากเมืองยอง มีนิสัยรักสันโดษ มีศรัทธาในพระพุทธศาสนาอย่างแรงกล้า ดำรงรักษาประเพณีวัฒนธรรมดั้งเดิมของบรรพบุรุษเอาไว้อย่างเหนียวแน่นจากจารึกไม้สักบ่งบอกว่า วัดฉางข้าวน้อยมีอายุหลัง 200 ปีเล็กน้อย มีการสร้างวิหารขึ้นเมื่อปี พ.ศ.2371 วัดและชุมชนในบริเวณนี้น่าจะถูกตั้งขึ้นมาหลังการอพยพจากเมืองยองในปี พ.ศ.2448 ไม่นานนัก เมื่อมีผู้คนหนาแน่นขึ้น ชุมชนเริ่มก่อตั้งอย่างมั่นคง ชาวบ้านมี ความเป็นอยู่ที่ดี จึงมีเวลาในการทำนุบำรุงพระศาสนาโดยสร้างวิหารและพระพุทธรูปขึ้น

ปัจจุบันความเจริญได้โถมถาเข้าสู่วิถีชีวิตชุมชน นำไปสู่การผสมกลมกลืนของวัฒนธรรมเก่ากับวัฒนธรรมใหม่ ทว่าคนยองป่าซางกลับดำรงอยู่ในฐานะของคนยองส่วนใหญ่ในสังคมไม่ว่าระดับหมู่บ้าน ระดับท้องถิ่น ในอำเภอป่าซางได้ตรงแบบแต่ดั้งเดิมไม่มีผิดเพี้ยน คนยองป่าซางยังคงรักษาลักษณะทางสังคมและวัฒนธรรมได้ค้อนข้างยาวนาน โดยเฉพาะวัฒนธรรมทางภาษา และขนบธรรมเนียมประเพณีต่างๆ เป็นต้น

บทความโดย
จักรพงษ์ คำบุญเรือง

ร่วมแสดงความคิดเห็น