บทบรรณาธิการ : ปัญหาหมอกควัน

ในภาคเหนือมักเกิดปัญหาหมอกควันขึ้นในช่วงฤดูหนาวก่อนเข้าสู่ฤดูร้อน (พ.ย.– เม.ย.) เพราะเป็นช่วงที่สภาพอากาศนิ่ง อันเนื่องมาจากความกดอากาศสูงจากประเทศจีนปกคลุมลงมาทำให้ฝุ่นละอองขนาดเล็กไม่สามารถถูกพัดพาขึ้นสู่บรรยากาศสูงได้

ปีนี้ประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ 9 จังหวัด ประกอบด้วย เชียงราย เชียงใหม่ ลำปาง ลำพูน พะเยา น่าน แพร่ ตาก และแม่ฮ่องสอน ต้องเผชิญกับฝันร้ายอีกครั้ง เมื่อเมืองทั้งเมืองถูกปกคลุมด้วยหมอกควันขาว วิถีชีวิตผู้คนเป็นไปอย่างยากลำบาก ต้องพึ่งหน้ากากอนามัย มิเช่นนั้นอาจหายใจไม่สะดวก เกิดอาการแสบหูแสบตา มึนหัว ถึงขั้นล้มป่วยได้
ขณะเดียวกันทัศนวิสัยก็แย่สุดขีด การขับขี่ยวดยานพาหนะบนท้องถนนเต็มไปด้วยอันตราย เสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุอย่างยิ่ง

สาเหตุสำคัญในการเกิดปัญหาหมอกควันพิษเกิดขึ้นจากการเผาในที่โล่ง เผาเศษวัสดุพืช ใบไม้ ตอซังข้าวโพด ฟางข้าวของเกษตรกรในท้องถิ่น เพื่อเตรียมดินสำหรับการเพาะปลูกครั้งต่อไปในฤดูฝนที่กำลังจะมาถึง บวกกับการเผาวัชพืชริมทาง การเผาขยะของชุมชน มลพิษจากยวดยานพาหนะ และโรงงานอุตสาหกรรม ยังไม่รวมหมอกควันข้ามแดนที่เกิดจากการเผาป่าในประเทศเพื่อนบ้าน น้อยคนจะรู้ว่าหมอกควันจัดเป็นฝุ่นละอองขนาดเล็ก 10 ไมครอน หรือ พีเอ็ม 10 เป็นผลผลิตของกระบวนการเผาไหม้ที่ไม่สมบูรณ์ เป็นต้น

การเผาไร่ เผานา เผาป่าหาของกิน ตลอดเผาในที่โล่ง เป็นวิถีการดำรงชีวิตของชาวบ้านที่ทำมาตั้งแต่ปู่ย่าตายายแล้ว เป็นวิถีชุมชนดังนั้นจึงเป็นเรื่องที่ยากมากที่จะห้ามไม่ให้มีการเผาไหม้เกิดขึ้นเลย สังคมเกษตรกรรมและสังคมที่พึ่งพาป่าไม้ในการดำรงชีพ ยังมีความจำเป็นต้องใช้ไฟในวิถีชีวิตเพื่อกำจัดเศษพืชก่อนการเพาะปลูก โดยเฉพาะตามพื้นที่สูง ซึ่งเป็นวิธีที่ง่ายและประหยัดที่สุด ในขณะเดียวกันยังช่วยลดเชื้อโรคและปริมาณหญ้าลดปริมาณเชื้อเพลิงที่ทำให้การเกิดไฟไหม้ไม่รุนแรงมากนัก และเร่งให้พืชผักที่เป็นอาหารในป่าแตกใบออกหน่อเร็วขึ้น

ปัญหาหมอกควันถือเป็นวาระที่ทุกจังหวัด ทุกหน่วยงาน

รวมถึงชาวบ้าน จะต้องร่วมมือกันเพื่อไม่ให้ปัญหาลุกลาม “การป้องกันผืนป่าเป็นอย่างดีทำให้ปัญหาลดลงก็จริง แต่ปัญหายังเกิดขึ้นจากนํ้ามือมนุษย์ที่จุดไฟเผาป่าโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ก็ต้องขอความร่วมมือประชาชนให้งดการเผาในที่โล่งทุกชนิด หรือหากเห็นมีไฟลุกไหม้ไม่มาก สามารถช่วยกันดับได้ ก็ต้องช่วยกัน จะทำให้ปัญหาทุเลาลงได้

ร่วมแสดงความคิดเห็น