เตรียมความพร้อมเดินหน้า“เพื่อประชาชน” อบจ.ลำพูนดีเดย์ปฏิบัติการเชิงรุกกู้ชีพกู้ภัย บูรณาการร่วมอปท.13 แห่งแจ้งเหตุถึงสั่งการ

958-large

วันที่ 1 ธันวาคม 2559 ดร.นิรันดร์ ด่านไพบูลย์ นายกฯอบจ.ลำพูน เป็นประธานในการประชุมการดำเนินงานศูนย์รับแจ้งเหตุและสั่งการจังหวัดลำพูน โดยได้เชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง คือ สนง.สาธารณสุขจังหวัดลำพูน โรงพยาบาลลำพูน และ อปท. 13 แห่ง ในจังหวัดลำพูน ที่ได้รับมอบรถปฏิบัติการการแพทย์ฉุกเฉินประจำปีงบประมาณ 2560 จำนวน 13 คัน เพื่อเป็นการบูรณาการการทำงานร่วมกัน ในการขับเคลื่อน ไปในทิศทางเดียวกันและเป็นการเตรียมความพร้อมเดินหน้าดูแลประชาชน คนในจังหวัดลำพูน ต่อไป
ดร.นิรันดร์ ด่านไพบูลย์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดลำพูน กล่าวว่า การเตรียมความพร้อมและบูรณาการร่วมกันด้านการทำงาน โดยอปท.แต่ละแห่งที่ได้รับมอบรถปฏิบัติการการแพทย์ฉุกเฉิน จะเป็นการกู้ชีพกู้ภัยในชีวิตและทรัพย์สินของพี่น้องประชาชนได้เป็นอย่างดี จะเกิดความรวดเร็วในด้านการช่วยเหลือและสามารถยื้อชีวิตได้ก่อนที่คนเจ็บคนไข้จะถึงมือแพทย์และโรงพยาบาล อันเป็นการปฐมพยาบาลเบื้องต้นที่ถูกวิถี เนื่องจากรถดังกล่าวนั้น ได้รับการออกแบบและมีอุปกรณ์ด้านการช่วยเหลือที่ทันสมัย ตลอดจนเจ้าหน้าที่กู้ชีพกู้ภัยทุกคน ล้วนแล้วแต่ได้รับการอบรม มีความรู้ความเข้าใจในด้านการใช้อุปกรณ์และลงมือปฏิบัติช่วยเหลือพี่น้องประชาชน ยามที่ได้รับอุบัติเหตุหรือเกิดการสูญเสียได้รวดเร็วและถูกต้องตามวิธีการทางด้านการแพทย์ ซึ่งรวมถึงการสื่อสารที่แม่นยำและรวดเร็ว
เราได้จัดทำโครงการร่วมกัน เป็นการบูรณาการที่มุ่งเน้นการทำงานเป็นองค์รวม มีเครือข่ายติดต่อที่ชัดเจนยามที่ประชาชนเกิดความเดือดร้อนและมีอุบัติเหตุอุบัติภัย โครงการดังกล่าวได้ใช้หลักการทำงานในเชิงรุกบูรณาการแนวคิดจาก “งานหน้าหมู่” หรือ “วิถีครูบาเจ้าศรีวิชัย” เป็นหลักในการทำงาน คือมุ่งเน้นด้านการทำงานเพื่อการช่วยเหลือที่ทุกฝ่ายร่วมคิด ร่วมทำ และร่วมกันรับผิดชอบ เป็นหลักในการให้บริการประชาชนในพื้นที่ซึ่งได้รับมอบรถปฏิบัติการทางด้านการแพทย์ฉุกเฉิน
อบจ.ลำพูนได้เล็งเห็นความสำคัญด้านการรักษาความปลอดภัยทั้งชีวิตและทรัพย์สินของพี่น้องประชาชน ชาวจังหวัดลำพูนที่ผ่านมาได้มีการเดินทางไปศึกษาดูงานและจัดเจ้าหน้าที่ซึ่งรับผิดชอบเข้ารับการอบรมและศึกษาดูงาน นำมาสู่การปฏิบัติงานที่ต่อไปจะกลายเป็นศูนย์ปฏิบัติการที่พร้อม และสั่งการช่วยเหลือ พร้อมแจ้งเหตุได้รวดเร็วถูกต้องแม่นยำ และมีเครือข่ายการติดต่อประสานงานทั้งหน่วยงานหลักและหน่วยงานราชการต่างๆและมูลนิธิต่างๆ ทั้งภาครัฐและเอกชนเข้ามามีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหา จะไม่เกิดความล่าช้าในด้านการดูแลประชาชนในยามที่มีความต้องการและเกิดความเดือดร้อน ตอนนี้ความพร้อมได้เริ่มขึ้น ต่อไปการช่วยเหลือประชาชนและการเข้าถึงจะรวดเร็ว และทันต่อเหตุการณ์เพราะทุกฝ่ายบูรณาการร่วมกัน โดยมีท้องที่และท้องถิ่นในแต่ละแห่ง ร่วมกันปฏิบัติหน้าที่นั่นเอง
นิราศ เวียงพิงค์…รายงาน

ร่วมแสดงความคิดเห็น