(มีคลิป) เปิดศูนย์โคกหนองนาเฉลิมพระเกียรติ อ.แม่จัน

รองอธิบดี พช. เปิดศูนย์โคกหนองนาเฉลิมพระเกียรติ อ.แม่จัน จ.เชียงราย

วันที่ 28 ก.ค. 65 นายสุรศักดิ์ อักษรกูล รองอธิบดีกรมการพัฒาชุมชน เป็นประธานเปิดศูนย์ผู้นำจิตอาสาพัฒนาชุมชน เฉลิมพระเกียรติ และถวายเป็นพระราชกุศลพระบาทสมเด็จพระปรเมนทร รามาธิบดีศรีสินทร์ มหาวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 10 เนื่องในโอกาสเฉลิมพระชนมพรรษา ณ ศูนย์เรียนรู้และขับเคลื่อนปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง (โคก หนอง นา โมเดล) ครัวเรือนของนายธนกร โชคชัดกรพัฒนา บ้านบ้านสันธาตุ หมู่ที่ 9 ต.แม่คำ อ.แม่จัน จ.เชียงราย

ด้วยกรมการพัฒนาชุมชน ได้จัดให้มีโครงการส่งเสริมการขับเคลื่อนการดำเนินงานผู้นำจิตอาสาพัฒนาชุมชน ทุกระดับทั่วประเทศ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเฉลิมพระเกียรติและถวายเป็นพระราชกุศล “พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว” รัชกาลที่ 10 เนื่องในโอกาสเฉลิมพระชนมพรรษา 72 พรรษา ในวันที่ 28 กรกฎาคม 2565

จังหวัดเชียงราย ได้ดำเนินการประเมินกลุ่มเป้าหมายตามเกณฑ์การประเมินคัดเลือกศูนย์ผู้นำจิตอาสาพัฒนาชุมชน และได้คัดเลือกครัวเรือนต้นแบบ นายธนกร โชคชัดชาญพัฒนา เป็น “ศูนย์ผู้นำจิตอาสาพัฒนาชุมชน” บ้านสันธาตุ หมู่ที่ 9 ต.แม่คำ อ.แม่จัน จ.เชียงราย ซึ่งเป็นกลุ่มเป้าหมายที่มีความพร้อม และมีศักยภาพตามเกณฑ์ การประเมินที่กรมการพัฒนาชุมชนกำหนด สามารถถ่ายทอดภาวะผู้นำ ทักษะชีวิต ทักษะอาชีพ การพัฒนาคุณภาพชีวิตประชาชน และการบริหารจัดการชุมชน เพื่อการพึ่งตนเองที่ยั่งยืนต่อไปได้

นายสุรศักดิ์ อักษรกูล รองอธิบดีกรมการพัฒาชุมชน กล่าวว่า กรมการพัฒนาชุมชน ได้จัดกิจกรรมเพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษา 28 ก.ค. 65 กรมการพัฒนาชุมชน จัดตั้งศูนย์จิตอาสาพัฒนาชุมชนขึ้นทั่วประเทศ จำนวน 878 อำเภอๆ ละ 1 ศูนย์ โดยศูนย์ที่มาเปิดงานในวันนี้ก็เป็นศูนย์หนึ่งของจังหวัดเชียงราย และยังเป็นศูนย์ระดับจังหวัด ซึ่งเป็นศูนย์ที่รวมเอาปราชญ์ ผู้นำต่างๆ ที่ทำงานเกี่ยวกับการพัฒนาชุมชนมารวมกันไว้ที่นี่ และยังเป็นแปลงต้นแบบโครงการพัฒนาคุณภาพชีวิตตามหลักทฤษฎีใหม่สู่โคกหนองนาโมเดล หรือ “โคกหนองนาพัฒนาชุมชน” ที่นี่มีฐานการเรียนรู้หลายฐาน พี่น้องที่สนใจการทำการเกษตรปลอดภัยสามารถมาเรียนรู้ได้ ในจังหวัดเชียงราย มีการทำโคกหนองนาทั้งหมด 200 กว่าแปลง โดยที่ อ.แม่จัน มีจำนวน 30 แปลง ทุกแปลงที่ร่วมโครงการเริ่มมีผลผลิตออกมาแล้ว จึงเริ่มมีการสร้างเครือข่าย และเริ่มมีการวางแผนการผลิต มีเวทีในการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ และในแต่ละเดือนจะมีกิจกรรมที่เรียกว่า “การเอามื้อสามัคคี” ป็นการหมุนเวียนแรงงานไปตามแปลงต่างๆ ถือเป็นการประหยัดค่าใช้จ่าย

“ส่วนในภาพรวมทั่วประเทศมีผู้เข้าร่วมโครงการทั้งหมด 25,000 กว่าแปลง ซึ่งทั้งหมดเริ่มมีผลผลิตออกมาแล้ว โครงการนี้นอกจากเกษตรกรได้อาหารไว้บริโภคหรือจำหน่ายแล้ว ผลพลอยได้อีกอย่าง จากการที่ทุกแปลงได้มีการปลูกพืช 5 ระดับ คือ ไม้สูง ไม้กลาง ไม้เตี้ย ไม้เรี่ยดิน และไม้กินหัว จะทำให้เราต้นไม้เพิ่มมากขึ้นกว่า 10 ล้านต้น และผลดีอีกอย่างหนึ่งคือ ช่วงที่ฝนตกหนัก เกษตรกรที่ร่วมโครงการโคกหนองนาจะไม่มีน้ำท่วม แถมยังสามารถจะกักเก็บน้ำไว้ใช้ได้อีกด้วย” รองอธิบดี พช. กล่าว

นายธนกร โชคชัดชาญพัฒนา เกษตรกรต้นแบบ กล่าวว่า ตนเป็นประธานเครือข่ายโคกหนองนาพัฒนาชุมชนของ อ.แม่จัน และเป็นประธานเครือข่ายโคกหนองนาพัฒนาชุมชนของ จ.เชียงราย อีกด้วย โดยครอบครัวของตนมีที่ดินอยู่ 30 ไร่ ได้รับการสนับสนุนจากกรมพัฒนาชุมชนให้ขุดโคกหนองนาโดยใช้กสิกรรมธรรมชาติศาสตร์พระราชา บนพื้นที่แห่งนี้เราตั้งใจจะให้เป็นพื้นที่ปลอดสารเคมีโดยสิ้นเชิง และตะขยายเครือข่าย โดยการทำนาข้าวอินทรีย์ เลี้ยงปลาอินทรีย์ ปลูกผักอินทรีย์ และเลี้ยงสัตว์เพื่อเอามูลสัตว์ไปแปรรูปเป็นปุ๋ย ตอนนี้เราได้ขยายเครือข่ายกลุ่มสัจจะเกษตรอินทรีย์ เพราะมั่นใจว่าแนวทางศาสตร์พระราชาและกสิกรรมธรรมชาติ จะพาให้เราพ้นจากความยากจนได้ จึงมุ่งมั่นตั้งใจที่จะทำกสิกรรมธรรมชาติศาสตร์พระราชา โชคดีที่ได้รับการสนับสนุนงบประมาณของกรมการพัฒนาชุมชนให้ขุดโคกหนองนาบนเนื้อที่ 3 ไร่ ตั้งแต่ปีงบประมาณ 2564 ก็สามารถพิสูจน์ได้ว่า หลังจากที่เราทำผ่านไปเพียง 3 เดือน เราก็มีพืชพันธุ์ธัญญาหารที่เราสามารถกินได้ ส่วนที่เหลือก็แบ่งปันให้กับคนในชุมชนได้อีกด้วย

“ครอบครัวของตนยึดแนวทาง “4มี 2ไม่ 3ให้ และ 1ห้าม” โดย “4มี” ก็คือ ในพื้นที่ของเราจะต้องมีน้ำ มีปลา มียาสมุนไพร และก็มีผัก เพื่อให้เราดำรงชีวิตอยู่ได้ ส่วน “3ไม่” ก็คือ “ไม่เผา” เราจะไม่เผาวัสดุเหลือใช้จากการเกษตร “ไม่ฆ่า” คือเราไม่ฆ่ากุ้งหอยปูปลา ปล่อยเขาอยู่ตามธรรมชาติ และ “ไม่ใช้” คือเราไม่ใช้สารเคมีโดยเด็ดขาด “2ให้” ก็คือ ให้สุขภาพที่ดีต่อตัวเราและครอบครัวแล้วเราก็จะแบ่งปันสุขภาพที่ดีให้กับคนในชุมชน ส่วน “1ห้าม” ถือเป็นหัวใจสำคัญ นั่นก็คือ “ห้ามทะเลาะกัน” ในหลวงรัชกาลที่ 9 ท่านเคยบอกว่า การจะทำศาสตร์พระราชาให้ประสบความสำเร็จต้องประกอบด้วยความเพียร ต้องมีความอดทน ต้องไม่ใจร้อน ต้องไม่พูดมาก และต้องไม่ทะเลาะกัน เราจะใช้แรงงานคนในครัวเรือน หากทำสำเร็จ นอกจากเราจะได้พืชพันธ์ุธัญญาหารและความมั่งคั่งมั่นคงทางด้านอาหารที่ปลอดภัยแล้ว เรายังจะได้ความอบอุ่นในครอบครัวเราด้วย” นายธนกร กล่าว

กิจกรรมในวันนี้ นายธนกร เกษตรกรต้นแบบ ได้มอบข้าวสารผ่านรองอธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน จำนวน 999 ถุง เพื่อไปแจกจ่ายเป็นกตัญญุตานุสรณ์ โดยใช้ข้าวเปลือกที่ปลูกด้วยหลักกสิกรรมธรรมชาติ ทั้งหมด 2.5 ตัน ได้ข้าวสารมา 1 ตัน เพื่อแบ่งปันไปที่ จ.แม่ฮ่องสอน จ.ลำปาง จ.ลำพูน จ.พะเยา และ จ.เชียงราย

ร่วมแสดงความคิดเห็น