ข่าวบิดเบือน ไม่ดืมน้ำนาน กลายเป็นอัมพฤกษ์

ข่าวบิดเบือน! ไม่ดื่มน้ำเปล่าติดต่อกันหลายปีจะทำให้กลายเป็นอัมพฤกษ์

วันที่ 18 ก.ค. 65 พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า ศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้รับการยืนยันว่าเป็นข่าวบิดเบือน เพิ่มเติม 1 กรณีคือ

กรณีที่มีข้อความในสังคมออนไลน์เกี่ยวกับประเด็นเรื่องไม่ดื่มน้ำเปล่าติดต่อกันหลายปีจะทำให้กลายเป็นอัมพฤกษ์ ทางศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ได้ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงโดยสถาบันประสาทวิทยา กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข พบว่าประเด็นดังกล่าวนั้น เป็นข้อมูลบิดเบือน

จากกรณีที่มีข้อความบนสังคมออนไลน์ระบุว่าไม่ดื่มน้ำเปล่าติดต่อกันหลายปีจะทำให้กลายเป็นอัมพฤกษ์ ทางสถาบันประสาทวิทยา กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข ได้ตรวจสอบข้อมูลและชี้แจงว่า การไม่ดื่มน้ำเปล่าติดต่อกันเป็นเวลานาน และดื่มน้ำอัดลมแทนน้ำเปล่า ซึ่งน้ำอัดลมมีน้ำตาลเป็นส่วนประกอบมีความหวานแล้วแต่เครื่องดื่ม อาจทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูง บางรายที่มีแนวโน้มเป็นโรคเบาหวานหรือเป็นเบาหวานอยู่แล้วอาจทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูงเป็นอันตรายต่อหลอดเลือดสมองและหลอดเลือดหัวใจได้
อย่างไรก็ตามการที่บอกว่าไม่ดื่มน้ำเปล่าติดต่อกันหลายปีจะทำให้เป็นอัมพฤกษ์อัมพาตนั้น อาจจะไม่ถูกต้องทั้งหมด ยังมีปัจจัยเสี่ยงอีกหลายอย่างที่ทำให้เป็นโรคอัมพฤกษ์อัมพาต เช่น มีโรคความดันโลหิตสูง โรคไขมันในเลือดสูง สูบบุหรี่ ดื่มสุรา โรคอ้วน การไม่ออกกำลังกาย อายุที่มากขึ้น เป็นต้น

ดังนั้นข้อมูลที่มีการโพสต์ และแชร์ต่อในขณะนี้ จึงเป็นข้อมูลบิดเบือน ขอความร่วมมือประชาชน ไม่แชร์ ไม่ส่งต่อข่าวดังกล่าวเพื่อป้องกันผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น และเพื่อให้ประชาชนได้รับข้อมูลข่าวสารจากสถาบันประสาทวิทยา กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข สามารถติดตามได้ที่เว็บไซต์ www.pni.go.th หรือโทร. 02 3069899

บทสรุปของเรื่องนี้คือ : การไม่ดื่มน้ำเปล่าติดต่อกันหลายปีจะทำให้อัมพฤกษ์อัมพาตนั้น อาจจะไม่ถูกต้องทั้งหมด ยังมีปัจจัยเสี่ยงอีกหลายอย่างที่ทำให้เป็นโรคอัมพฤกษ์อัมพาต

รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติกล่าวเพิ่มเติมว่า การผลิตข่าวปลอม สร้างข่าวบิดเบือน ทำให้ประเทศชาติเสียหาย ประชาชนสับสน เป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ มาตรา 14(2),(5) มีอัตราโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือ ปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และอาจเข้าข่ายความผิดตามพ.ร.ก.ฉุกเฉิน รวมทั้งกฎหมายอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง โดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะดำเนินการตามกฎหมายกับผู้ที่ผลิตข่าวปลอมและผู้ที่เผยแพร่ทุกรายอย่างเด็ดขาดจริงจังและต่อเนื่องต่อไป
ทั้งนี้ หากพี่น้องประชาชนพบข้อมูลการกระทำผิด สามารถแจ้งเบาะแสข่าวผ่าน
5 ช่องทาง ได้แก่ เว็บไซต์ https://www.antifakenewscenter.com, เฟซบุ๊ก ANTI-FAKE NEWS CENTER, ทวิตเตอร์ @AFNCThailand, ไลน์ @antifakenewscenter, ช่องทางโทรศัพท์โทรสายด่วน GCC 1111 ต่อ 87 และสายด่วน 1599 ศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม สำนักงานตำรวจแห่งชาติ”

ร่วมแสดงความคิดเห็น