เชียงราย ตลิ่งแม่น้ำสาย-แม่น้ำรวก ทรุดกว่า 12 จุด

ตลิ่งแม่น้ำสาย-แม่น้ำรวก ทรุดกว่า 12 จุด หวั่นกระทบความมั่นคงชายแดน

วันที่ 24 ก.ค. 65 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากได้มีฝนตกอย่างต่อเนื่องได้ทำให้ลำน้ำสาย-น้ำรวก ที่เป็นเขตแดนไทย-เมียนมา ด้าน อ.แม่สาย จ.เชียงราย มีระดับสูงขึ้นและเชี่ยวกราก รวมทั้งกัดเซาะตลิ่งของฝั่งประเทศไทย จนดินพังทลายหายไปกับสายน้ำหลายจุด และเป็นบริเวณกว้างขึ้นเรื่อยๆ

ล่าสุด ร.ต.อ.เด่นวุฒิ จันต๊ะขัติ นายกองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) เกาะช้าง ได้นำคณะเจ้าหน้าที่สำรวจจุดที่เสียหายพบว่ามีการพังทลายของถนนเลียบชายแดนกว้าง 6 เมตร และไหล่ทางรวมประมาณ 10 เมตร พื้นที่หมู่บ้านป่าซางงาม และเลียบตลิ่งตามแนวชายแดน เขต ต.เกาะช้าง อ.แม่สาย ทำให้ชาวบ้านไม่สามารถใช้ถนนได้อีกต่อไป

นอกจากนี้มีถนนที่ทรุดไปกับลำน้ำลึกเข้ามาในฝั่งไทยยาวประมาณ 350 เมตร และยังมีถนนที่ถูกกัดเซาะจนเว้าแหว่งในลักษณะเดียวกันอีกหลายจุด รวมระยะทางประมาณ 800 เมตร โดยบางจุดพบว่ามีความแตกต่างจากแนวสำรวจชายแดนเมื่อปี 2535 อย่างมาก โดยน้ำได้กัดเซาะฝั่งไทยจนกลายเป็นทางเดินน้ำใหม่ แต่กลับมีการงอกเงยขึ้นเป็นแผ่นดินกว้าง 7 ไร่ ในฝั่งประเทศเพื่อนบ้านอีกด้วย

ร.ต.อ.เด่นวุฒิ กล่าวว่า ในฝั่งไทยนั้นมีถนนเลียบชายแดนดังกล่าวซึ่งลึกเข้ามาในฝั่งไทยเป็นคลองชลประทาน ปัจจุบันพบว่าถนนถูกน้ำสายกัดเซาะมากขึ้นเรื่อยๆ เพราะมีฝนตกหนักและปริมาณน้ำมีมาก ล่าสุดพบว่าน้ำได้กัดเซาะเฉพาะในเขต ต.เกาะช้าง ตั้งแต่พื้นที่หมู่บ้านป่าซางไปถึงบ้านสันนา รวมระยะทางประมาณ 12 กิโลเมตรแล้ว และหากน้ำกัดเซาะถนนจนทะลุเข้ามากัดเซาะคลองชลประทานที่อยู่ด้านในก็จะส่งผลกระทบต่อชาวบ้าน จำนวน 8 หมู่บ้าน และพื้นที่ทางการเกษตร ประมาณ 1,000 ไร่ของ ต.เกาะช้าง ในที่สุดต่อไป

ร.ต.อ.เด่นวุฒิ กล่าวอีกว่า ในภาพรวมแล้ว ต.เกาะช้าง มีจุดที่ถูกน้ำสายกัดเซาะพังทลายจำนวน 12 จุด โดยจุดที่เสียหายมากที่สุดถูกน้ำเซาะจนพังทลายจนสูญเสียที่ดินไปแล้วจำนวน 7 ไร่ ส่วนจุดอื่นๆ ก็ถูกกัดเซาะเฉลี่ยมากน้อยแตกต่างกันไป ซึ่งที่ผ่านมาได้มีหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องเข้าไปตรวจสอบสภาพปัญหาแล้วอย่างไรก็ตามหลายหน่วยระบุว่า ยังไม่มีงบประมาณเข้าไปซ่อมแซมตลิ่งฝั่งไทย ทำให้ตนขอประชาสัมพันธ์ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ความสำคัญกับปัญหานี้ให้มากขึ้น เพราะตลิ่งลำน้ำสายพังทำให้ประเทศไทยสูญเสียพื้นที่ของประเทศซึ่งส่งผลกระทบต่อความมั่นคงของชาติอีกด้วย ดังนั้นนอกจากหน่วยงานต่างๆ แล้วตนอยากให้คณะกรรมมาธิการที่เกี่ยวข้องจากสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภา เข้าไปดูสภาพปัญหาเพื่อหาทางแก้ไขโดยด่วนก่อนที่จะสูญเสียพื้นที่ของประเทศมากขึ้นเรื่อยๆ

รายงานข่าวแจ้งว่าช่วงปลายปี 2564 ที่ผ่านมาคณะกรรมาธิการความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติและการปฎิรูปประเทศ สภาผู้แทนราษฎร ได้นำกรรมาธิการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเดินทางไปรับทราบข้อมูลการพังทลายของลำน้ำสายที่ อ.แม่สาย เพื่อนำข้อมูลไปนำเสนอให้รัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง พบว่ามีปัญหาตลิ่งริมน้ำฝั่งไทยถูกกัดเซาะจนพังทลายตั้งแต่ลำน้ำสายต่อเนื่องกับลำน้ำรวกตลอดแนวชายแดนไทย-เมียนมา ด้าน อ.แม่สาย ประมาณ 35 กิโลเมตร มีจุดที่ถูกกัดเซาะ 48 จุด มีสภาพรุนแรง 22 จุด ที่ผ่านมาทางกรมโยธาธิการและผังเมืองได้ออกแบบเพื่อซ่อมแซมแล้ว 4 จุด และมีการของบประมาณจากองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) เชียงราย เพื่อซ่อมแซมอีก 1 จุด คณะกรรมาธิการฯ ยังพบมีการสร้างป้องกันตลิ่งพังในฝั่งประเทศเพื่อนบ้านทำให้น้ำเปลี่ยนทิศ และหากฝั่งไทยจะซ่อมแซมตลิ่ง มักถูกประท้วงจากประเทศเมียนมา ทำให้คณะกรรมการชายแดนไทย-เมียนมา ระดับท้องถิ่น หรือทีบีซี นำโดยฝ่ายทหารกองกำลังผาเมือง มีการหยิบยกเรื่องนี้เข้าหารือกับประเทศเพื่อนบ้านหลายครั้ง แต่ปัญหาก็ยังยืดเยื้อมาจนถึงปัจจุบัน

ร่วมแสดงความคิดเห็น