(มีคลิป) เตรียมหารือเมียนมา แก้ปัญหาแม่น้ำสายท่วมซ้ำซาก

เตรียมหารือเมียนมา กำหนดมาตรการแก้ไขปัญหาแม่น้ำสายท่วมซ้ำซาก!

วันที่ 15 ส.ค. 65 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากพายุมู่หลานได้พัดผ่านพื้นที่ จ.เชียงราย ไปแล้ว แต่ก็ได้ทิ้งผลกระทบมากมายให้ต้องเร่งแก้ไข ฟื้นฟู และเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบ ซึ่งหนึ่งในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดก็คือ “ตลาดสายลมจอย” ซึ่งตั้งอยู่ที่ ต.แม่สาย อ.แม่สาย จ.เชียงราย จากการลงพื้นที่สำรวจผลกระทบ พบว่าที่พื้นถนนกลางยังเต็มไปด้วยโคลนและเศษขยะ เจ้าหน้าที่เทศบาล ทหาร และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งมาทำความสะอาด ในขณะเดียวกันร้านค้าต่างๆ เริ่มนำเอาสินค้าที่ยังพอขายได้มาวางจำหน่ายในราคาถูก ซึ่งก็ได้รับความสนใจจากชาวบ้านที่ทราบข่าวแห่มาอุดหนุนมากกว่าปกติ

หลังจากนี้หนึ่งในปัญหาที่ทั้งฝั่งไทยและเมียนมาจะต้องนำไปขบคิดเป็นการบ้านก็คือ จะทำอย่างไรไม่ให้เกิดปัญหาน้ำท่วมซ้ำซากขึ้นอีก ซึ่งเป็นปัญหาใหญ่ที่ต้องอาศัยความร่วมมือกันทั้ง 2 ฝ่าย เพราะแม่น้ำสายเป็นแม่น้ำระหว่างประเทศ การจะทำอะไรสักอย่างในลำน้ำจะต้องผ่านการยินยอมร่วมกัน

ผู้สื่อข่าวได้มีโอกาสสอบถามนายชัยยนต์ ศรีสมุทร นายกเทศมนตรีตำบลแม่สาย เกี่ยวกับปัญหาดังกล่าว ซึ่งทางนายกฯได้กล่าวถึงประเด็นดังกล่าวว่า แนวทางแก้ไขปัญหาน้ำท่วมซ้ำซากในระยะยาว เรามีแผนการที่จะขอความร่วมมือจากประเทศเพื่อนบ้านเพื่อสร้างกำแพงป้องกันตลิ่งเป็นแนวยาว ทั้งทางด้านทิศตะวันตกและทิศตะวันออก ระยะทางประมาณ 2 กม.กว่า แผนการที่ 2 คือการยกถนนริมน้ำให้สูงขึ้น เดิมเรามีถนนที่กรมชลประทานทำไว้แล้ว แต่ตอนนี้มวลน้ำมีมากขึ้นกว่าอดีต จากเหตุการณ์ครั้งล่าสุดจะพบว่าเริ่มมีน้ำข้ามถนนมาแล้ว ในแผนการระยะต่อไปเราอยากได้อุโมงค์น้ำเพื่อผันน้ำให้ไหลไปที่บ่อบำบัดน้ำเสียของเทศบาล อีกอย่างที่อยากทำก็คือการขุดลอกลำน้ำสาย เพราะตอนนี้ความกว้างมันแคบลง เราแก้ปัญหาได้อย่างเดียวคือความลึก เราอยากทำการขุดลอกแม่น้ำระหว่าง 2 ประเทศ ตั้งแต่ลำน้ำสาย ลำน้ำรวก ลำน้ำมะ ไปถึงแม่น้ำโขง และอีกอย่างที่อยากได้คือจุดเตือนภัย ให้ติดตั้งเข้าไปในพื้นที่ต้นน้ำของประเทศเพื่อนบ้านอย่างต่ำ 10 กม. เราจะได้คำนวนความเร็วและปริมาณน้ำได้ว่ามวลน้ำจะมาถึง อ.แม่สาย กี่โมง ปริมาณเท่าไหร่ ความสูงเท่าไหร่

“ส่วนประเด็นสาเหตุที่ทำให้เกิดปัญหาน้ำท่วมซ้ำซาก ตนมองว่าเกิดจากการรุกล้ำลำน้ำ ทั้งฝั่งไทยและเมียนมา เป็นปัญหาที่ต้องยอมรับกันทั้ง 2 ฝ่าย ซึ่งเรายังไม่มีแนวทางการแก้ปัญหาดังกล่าวอย่างเบ็ดเสร็จ เมื่อก่อนในอดีตลำน้ำสายเคยมีความกว้างประมาณ 50-80 เมตร แต่ตอนนี้บางจุดก็โยนของข้ามฝั่งกันได้แล้ว” นายก ทต.แม่สาย กล่าว

ด้านนายศุภรัตน์ศิลป์ ศรีแก้ว อายุ 50 ปี ซึ่งเปิดร้านขายเครื่องเสียงในตลาดสายลมจอย กล่าวว่า ตอนขายของในตลาดสายลมจอยมากว่า 20 ปี ความเสียหายครั้งล่าสุดนี้ก็ถือว่าเยอะ เพราะน้ำทะลักมาจากฝายของประเทศเพื่อนบ้านมาหนุนด้วย น้ำมาเยอะกว่าปกติ เสียหายกันหมดทุกร้าน ต้องนำของมาวางขายเลหลังกัน ส่วนสาเหตุที่น้ำมามากกว่าปกติ เพราะมีน้ำจากฝายและเขื่อนของประเทศเพื่อนบ้านมาหนุนรวมกันที่บริเวณสะพานข้ามแดน ซึ่งมีลักษณะเป็นคอขวด น้ำไม่มีที่ไปจึงเอ่อล้นเข้าท่วมร้านค้าและชุมชนริมแม่น้ำ

ร่วมแสดงความคิดเห็น