อาทนไม่ไหว หลานหยามเกียรติ ลวนลามเมีย ใช้ไม้ฟาดไม่ยั้งดับคาที่

เรื่องราวของหลานเมาแล้วลวนลามเมียอาจนถูกฆ่าตายรายนี้เกิดเมื่อคืนวันที่ 6 กรกฎาคม 2565 เวลา 23.00 น. ร.ต.อ.อรรถพล เรือนคำ รอง สว. (สอบสวน) สภ.สรอย อ.วังชิ้น จ.แพร่ ได้รับแจ้ง จากศูนย์วิทยุ สภ.สรอย ว่ามีเหตุทะเลาะวิวาท ทำร้ายร่างกายถึงแก่ความตาย เหตุเกิดที่บ้านม่วงคำใต้ ม.10 ต.สรอย อ.วังชิ้น จ.แพร่ หลังรับแจ้งจึงรายงานให้ พ.ต.ท.กัณฑ์สิทธิ์ คงต่อ สว.สภ.สรอย และทรายจากนั้นจึงพร้อมด้วยชุดสืบสวน สภ.สรอย ออกไปตรวจสอบที่เกิดเหตุตามรับแจ้ง

เมื่อถึงที่เกิดเหตุพบร่างผู้ชาย นอนอยู่พื้น ลักษณะนอนคว่ำคุดคู้สวมใส่กางเกงขายาวลายพรางทหาร ไม่สวมเสื้อ นอนแน่นิ่งอยู่ ทราบชื่อภายหลังคือ นายสว่าง (สงวนนามสกุล) อายุ 41 ปีบ้าน ม.10 ต.สรอย อ.วังชิ้น จ.แพร่ สภาพถูกทำร้ายด้วยของแข็งทุบที่ บริเวณศีรษะและตามลำตีวหลายแห่ง ขณะเดียวกันมี นายมิตร (สงวนนามสกุล) อายุ 60 ปี บ้าน ม.10 ต.สรอย อ.วังชิ้น จ.แพร่ ซึ่งเป็นญาติใกล้ชิดกัน ซึ่งถูกระบุว่าเป็นผู้ก่อเหตุ ได้ยืนรอมอบตัวอยู่ พร้อมไม้ท่อนยาวประมาณ 1 เมตร ที่ใช้ก่อเหตุ จากนั้นจึงได้นำตัวไปสอบสวน ที่ สภ.สรอย เบื้องต้นเจ้าตัวรับสารภาพว่าเป็นคนก่อเหตุ เพราะโมโห ที่ผู้ตายเมาแล้วมาลวนลาม เมียของตนเอง ห้ามเท่าไหร่ก็ไม่ฟัง บอกให้กลับบ้านก็ไม่ฟัง จึงได้ลงมือก่อเหตุ

จากการให้การของ นางต๋าน้อย อายุ 63 ปี ผู้ เป็นแม่ของผู้ตาย ให้การว่า ได้ยินเสียงลูกชายที่เมา ทะเลาะกับอา จากกนั้นได้ยินเสียงดังตุ๊บๆ ก่อนที่ นายมิตรฯ จะมาบอกว่า ได้ทุบ นายสว่าง นอนนิ่งอยู่กลางถนน ไปดูหน่อย เมื่อเข้าไปดู ก็พบว่าเสียชีวิต แล้ว

จากกนั้นได้ให้กู้ภัย นำศพของนายสว่างฯได้นำส่งให้ทาง รพ.วังชิ้น ตรวจพิสูจน์ เพื่อหาร่องรอยบาดแผล ถึงสาเหตุการเสียชีวิต แล้วได้แจ้งให้ทางญาติรับทราบ สอบถามว่ามีผู้ใดติดใจสาเหตุการเสียชีวิตหรือไม่ เมื่อไม่มีผู้ใดติดใจจึงได้มอบศพให้ทางญาตินำไปทำพิธีทางศาสนาต่อไป

เช้าวันที่ 7 ก.ค. 65 ผู้สื่อข่าวจึงได้ไปสอบถามรายละเอียดเรื่องที่เกิดเหตุดังกล่าวจากนายมิตร คู่กรณี เล่าว่าว่าเมื่อเวลาประมาณ 20.00 น. นายสว่าง ผู้ตายกับตนเองได้นั่งดื่มเหล้าที่ใต้ถุนบ้านของผู้ตาย เมื่อตนเห็นว่าผู้ตายเมาแล้วและเวลาก็ดึกมากแล้วจึงขอกลับบ้านไปนอนก่อน ซึ่งบ้านอยู่ห่างกัน 50 เมตร กำลังถึงบ้าน ผู้ตายได้เดินตามตนมา ตนเองจึงบอกให้กลับบ้านไป ไม่ยอมกลับ แถมยังลวนลามเมียของตนอีก ตนจึงผลักอกแล้วไล่ให้กลับบ้านไปหลายครั้ง ผู้ตายก็ไปยอมไปแถมพูดท้าทาย ลวนลามภรรยาตน ตนจึงโมโห บันดานโทสะจึงคว้าไม้ท่อนทุบตีไปหลายครั้ง จนผู้ตายได้ฟุ๊บแน่นิ่งไปดังกล่าว

ต่อมา นางต๋าน้อย แม่ของผู้ตาย เล่าว่า ผู้ตาย เป็นลูกชายของตนแต่งงานแล้ว มีลูกสาว 1 คน และได้หย่าร้าง ตั้งแต่ลูกยังเล็ก จากนั้นมาก็ไม่ได้แต่งงาน อาศัยอยู่ร่วมกันกับตน ชอบดื่มเหล้าเมาอารวาท ญาติพี่น้องห้ามไม่ฟัง สร้างความเดือดร้อนบ้านใกล้เรือนเคียง ถึงขั้นทำร้ายลูกสาวตน ตอนนี้ลูกสาวอายุ 16 ปีแล้วเมื่อเวลาประมาณ5 ทุ่มหลังจากที่สองคนแยกย้ายกันไปตนได้ยินเสียงเอะอะโวยวาย ที่บ้านนายมิตร เสียงดังตุ๊บแล้วเงียบไปสักครู่นายมิตรฯมาบอกว่าทำร้ายร่างกายนายกบ ขอให้ไปดูด้วย เมื่อตนไปถึง พบลูกชายก้มหน้าคุดคู้อยู่ลานหน้าบ้านนายมิตรฯจึงไปเรียกและเขย่าตัวไม่มีเสียงตอบ คิดว่าเสียชีวิตแล้วจึงให้หลานแจ้ง เจ้าหน้าที่ตำรวจ และ ผู้ใหญ่บ้านทราบ และไม่ได้ติดใจเอาความเพราะเป็นญาติเดียวกัน ปล่อยให้เป็นเรื่องของเจ้าหน้าที่ดำเนินการไปตามกฎหมาย

ทางด้าน น.ส.นิด(นามสมมุติ)อายุ 16 ปี บุตรสาวเล่าถึงความรู้สึกถึงเหตุการณ์ว่า ตนได้เป็นลูกสาวคนเดียวของผู้ตาย อยู่กับปู่ และย่ามา เมื่อก่อนมานี้ เวลาพ่อดื่มเหล้าเมามาทีไรก็จะทำร้ายทุบตีตนได้รับบาดเจ็บ จนร่างกายฟกช้ำมาหลายครั้งหลายหนต้องทนมาตลอดการจากไปของพ่อครั้งนี้ ตนรู้สึกเฉยๆไม่ติดใจเอาความ ร้องไห้ไม่ออก เมื่อนึกถึงพ่อตอนทำร้ายตน ครั้งนี้คงถึงคราวของพ่อบ้าง แต่ตนได้อโหสิกรรมให้พ่อไปแล้วขอให้ดวงวิญญาณของพ่อไปตามบุญตามกรรมที่พ่อทำไว้ ส่วนบรรยากาศจัดงานศพ มีพี่น้องชาวบ้านมาช่วยงานไม่มากเพราะเป็นวันแรก มีชาวบ้านคนหนึ่งว่าบ้านเมืองจะได้สงบเสียที

ร่วมแสดงความคิดเห็น