ถ้ำเชียงดาวตั้งอยู่บริเวณไหล่เขาดอยหลวงหรือดอยอ่างสลุง เขตอำเภอเชียงดาวจังหวัดเชียงใหม่ เป็นถ้ำที่ใหญ่และลึกที่สุดในประเทศไทย ว่ากันว่าภายในถ้ำมีทางเดินติดต่อไปหลายถ้ำสามารถเดินทะลุออกไปถึงรัฐฉานของประเทศพม่า ซึ่งปัจจุบันยังไม่มีการสำรวจเส้นทางเดินจนสุดถ้ำตามตำนานของดอยหลวงหรือดอยอ่างสลุง กล่าวไว้ว่าในสมัยพุทธกาล พระสัมมาสัมพุทธเจ้าเคยเสด็จมาประทับที่ดอยหลวงและทรงสรงน้ำในอ่างเชิงเขานี้ จึงเป็นที่มาของชื่อ “ดอยอ่างสลุง” ปัจจุบันเปลี่ยนชื่อมาเป็น “ดอยหลวงเชียงดาว”
มีนิยายปรัมปราเกี่ยวกับ “ถ้ำเชียงดาว” ที่เล่าสืบต่อกันมาว่า ครั้งอดีตสมัยเมืองพะเยารุ่งเรืองอำนาจ เจ้าผู้ครองนครพระนามว่า “เจ้าหลวงคำแดง” พระองค์โปรดการเสด็จประพาสป่าล่าสัตว์ ครั้งหนึ่งได้เสด็จไล่ตามจับกวางงามตัวหนึ่ง พระองค์พยายามควบม้าไล่ตามอย่างกระชั้นชิดแต่ก็หาทันไม่ กวางได้วิ่งหนีไปจนถึงเชิงดอยอ่างสะลุงและหลบหนีเข้าไปซ่อนตัวในถ้ำเชิงเขา เจ้าหลวงพยายามจะตามจับให้ได้ ลงจากหลังม้าแล้วทรงวิ่งตามกวางเข้าไปในถ้ำ ส่วนไพรพลสุดที่จะทัดทานได้และวิ่งตามไม่ทัน เจ้าหลวงคำแดงเข้าไปเที่ยว
หากวางในถ้ำแต่ไม่พบ พบแต่สาวงามผู้หนึ่งได้สนทนากันจนเป็นที่พอพระทัย ได้ทรงทราบความจากสาวงามชื่อ “อินทร์เหลา” ว่านางถูกสาปให้มาอยู่ในถ้ำนี้ ถ้าออกนอกถ้ำจะกลายร่างเป็นกวางทันที เจ้าหลวงได้ทรงทราบมีความสงสารและเกิดความเสน่ห์าได้อยู่กินกับนางกวางในถ้ำนั้นตลอดมา โดยไม่ยอมกลับไปบ้านเมือง แม้พวกข้าราชบริพารจะมาเชิญให้กลับก็ไม่ยอม พระองค์จะพานางไปอยู่ในเมืองก็ไม่ได้ เพราะนางจะกลายร่างเป็นกวาง ฉะนั้นพระองค์จึงตัดสินพระทัยอยู่กินกับนางจนตลอดชีวิตชาวบ้านยังคงมีเชื่อว่าวิญญาณของเจ้าหลวงคำแดงกับนางอินทร์เหลายังคงสิงสถิตอยู่ในถ้ำเชียงดาวมาจนทุกวันนี้
ร่วมแสดงความคิดเห็น