ความพยายามสร้างความมั่นคงด้านพลังงานไฟฟ้า เพื่อใช้ในประเทศไทย ไม่ให้มีปัญหาด้านความเสี่ยงในการใช้ไฟฟ้า ตลอดจนลดการซื้อไฟฟ้าจากหลายแห่งในประเทศเพื่อนบ้าน จะพบว่าหน่วยงานต่างๆมีการดำเนินโครงการตั้งโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทนหลากหลายขึ้นผ่าน โครงการโรงไฟฟ้าก๊าซชีวมวล, พลังงานน้ำ,พลังงานลม, ขยะ,พลังงานแสงอาทิตย์,และพลังงานความร้อนใต้พิภพ จ.เชียงใหม่ มีแหล่งพลังงานทดแทน แห่งแรกของไทย หลายรูปแบบ เช่น โรงไฟฟ้าพลังน้ำขนาดเล็กบ้านขุนแปะ อ.จอมทอง ซึ่งเป็นไฟฟ้าแบบ”สมาร์ท ไมโคร กริด” สมบูรณ์แบบ เมื่อ 21 ธ.ค. 60 หลังจากพัฒนาต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2532 เพื่อจ่ายไฟให้ศูนย์พัฒนาโครงการหลวงขุนแปะและชุมชนใกล้เคียง 10 หมู่บ้านจนกลายเป็นโมเดลต้นแบบเตรียมขยายผลทั่วประเทศ สำหรับพลังงานความร้อนใต้พิภพ ประเทศไทยมีการใช้ เพื่อผลิตไฟฟ้าเพียงแห่งเดียวคือ โรงไฟฟ้าจากแหล่งพลังงานความร้อนใต้พิภพฝาง ตั้งอยู่ที่ ต.ม่อนปิ่น อ.ฝาง จ.เชียงใหม่ เป็นแหล่งพลังงานหมุนเวียนที่ใช้ไม่หมดสิ้น ปัจจุบันมักพบอยู่ในบริเวณหินภูเขาไฟที่ดับแล้ว หรือบริเวณใกล้มวลหินแกรนิต และหินตะกอนอายุต่างๆ กัน จากการสำรวจมีมากกว่า 100 แห่งกระจายในทุกภูมิภาค ยกเว้นภาคตะวันออกเฉียงเหนือ กระบวนการผลิตไฟฟ้าพลังงานความร้อนใต้พิภพ ใช้หลักการเจาะหลุมที่มีน้ำร้อนอุณหภูมิสูงเพื่อผลิตน้ำร้อน จากนั้นจะถูกปั๊มน้ำดูดเข้าถังต้มไอน้ำแล้วส่งเข้าไปขับดันเครื่องกังหันไอน้ำ เครื่องกำเนิดไฟฟ้าที่ต่ออยู่กับเครื่องกังหันไอน้ำจะหมุนผลิตพลังงานไฟฟ้าออกมาใช้งาน บริเวณบ่อน้ำพุร้อน ฝาง เชียงใหม่นั้น ประมาณปี พ.ศ.2511สำนักงานป่าไม้เขตเชียงใหม่ ได้สำรวจพื้นที่ปรับภูมิทัศน์เป็นสถานที่พักผ่อน ต่อมา พ.ศ.2524 กรมป่าไม้ได้อนุมัติให้เป็นวนอุทยาน ใช้ชื่อว่า”วนอุทยานบ่อน้ำร้อนฝาง”มีอาณาบริเวณ ในเขตป่าสงวนฯ-ป่าลุ่มน้ำฝาง 31ตร.กม. หรือ 19,375 ไร่ ในปี 2531 กองอุทยานฯดำเนินการสำรวจ เพื่อจัดตั้งอุทยาน จนกระทั่งปี 2543ได้รับการประกาศให้เป็นอุทยานแห่งชาติลำดับที่ 97 ของไทย ใช้ชื่อว่า” อุทยานแห่งชาติแม่ฝาง “พื้นที่ครอบคลุมป่าสงวนลุ่มน้ำฝาง ใน อ.ฝาง,แม่อายและไชยปราการ เมื่อ 14 มี.ค. พ.ศ.2549 เปลี่ยนชื่อเป็น”อุทยานแห่งชาติดอยผ้าห่มปก” และ 26 กย. 2551 เปลี่ยนชื่อเป็น “อุทยานแห่งชาติดอยฟ้าห่มปก” นอกจาก”ดอยผ้าห่มปก” ซึ่งมีความสูงเป็นอันดับ 2 ของไทยด้วยความสูง 2,285 เมตร จากระดับน้ำทะเลปานกลางแล้ว”บ่อน้ำพุร้อน” ตั้งอยู่ ต.โป่งน้ำร้อน ถือเป็นอีกแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยม ในอนาคต
ก.พลังงานจะพัฒนาเป็นแหล่งพลังงานทดแทน ก.ท่องเที่ยวฯยังเล็งเห็นคุณค่าศักยภาพ ที่จะพัฒนาสู่ “แหล่งอาบน้ำแร่แช่น้ำร้อน”แบบออนเซ็น อีกแหล่งใหญ่ ในภูมิภาคแถบนี้จากเอกสารกรมทรัพยากรธรณี ระบุว่า….”น้ำพุร้อน” เกิดจากหินร้อนเหลวที่อยู่ใต้เปลือกโลก (แม็กม่า)ไหลแทรกตามช่องหินขึ้นมาใกลเปลือกโลก ทำให้ชั้นหินบริเวณนั้นมีอุณหภูมิสูงขึ้น เมื่อน้ำบาดาลไหลผ่านชั้นหินร้อนดังกล่าว อุณหภูมิของน้ำจึงสูงขึ้นไปด้วย ทำให้เกิดแรงดันมหาศาลดันตัวเองผ่านรอยแยกของหินขึ้นมาบนผิวโลกเกิดเป็นน้ำพุร้อน บางแห่งพุ่งขึ้นสูงเป็นสาย บางแห่งเพียงแค่ผุดขึ้นมาจากผิวดินซึ่งขึ้นอยู่กับความร้อนและแรงดันของแต่ละแหล่ง บ่อน้ำพุร้อนในภาคเหนือเป็นน้ำพุร้อนที่ให้ความร้อนสูงกว่าบ่อน้ำพุร้อนในภาคอื่นๆ มีอุณหภูมิน้ำร้อนที่ผิวดินอยู่ในช่วง 40-100 องศา โดยเฉพาะ บ่อน้ำพุร้อนฝาง ซึ่งก่อเกิดโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนใต้พิภาพ แห่งแรกแห่งเดียวในไทยในขณะนี้
ร่วมแสดงความคิดเห็น