สมัชชาเสรีแห่งมหาวิทยาลัยเชียงใหม่เพื่อประชาธิปไตย จัดกิจกรรม แสดงละครล้อเลียนการเมืองไทย กรณี ส.ส.งูเห่า”มานีมีแชร์”

สมัชชาเสรีแห่งมหาวิทยาลัยเชียงใหม่เพื่อประชาธิปไตย จัดกิจกรรม แสดงละคร “มานีมีแชร์” ตอนตอนมานีจับงู ขึ้นที่หน้าคณะนิติศาสตร์มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ โดยมีนักศึกษาและผู้ที่สนใจเข้าร่วมชมละครครั้ง นี้ พร้อมเชิญชวนให้ทุกคนที่มาดูละครร่วมกันแต่งชุดสีดำ เพื่อร่วมแสดงจุดยืน สำหรับการแสดงมานีมีงูครั้งนี้ กลุ่มสมัชชาเสรีแห่งมหาวิทยาลัยเชียงใหม่เพื่อประชาธิปไตยนั้น
เริ่มตั้งแต่นักแสดงชายสวมเสื้อลูกเสือ สวมโจงกระเบน ได้หิ้วโต๊ะหมู่บูชามาตั้งวางไว้ก่อนจะถือท่อสีเหลืองลักษณะคล้ายงูขยับไปตามเสียงเพลงประเทศกูมี หลังจากนั้นนักศึกษาอีกคนได้แต่งตัวเป็นมานี ถือสระน้ำออกมา ก่อนคว่ำสระน้ำพลาสติกลงแล้วลุกขึ้นมา โดยที่มีเพื่อนนักศึกษาหญิงอีกคนได้นำสายยางฉีดน้ำมาฉีดลงในสระ หลังจากนั้นจะมีชายอีกคนสวมสูทนำเงินแบงค์กาโม่มาโปรยพร้อมกับพูดเรามีเงินๆหลังจากนั้นก็ได้นำงูหลากหลายสายพันธุ์มาปล่อยลงในสระ นักศึกษาทั้งหมดที่ร่วมแสดง 4 คนต่างพากันเต้นเลื่อยลงสระและนำงูพันตามตัวเล่นก่อนจะวิ่งไปหยิบเค้กที่เตรียมไว้มาแย่งกันกัดกินอย่างเอร็ดอร่อย ทางด้านมานี ตัวแสดงอีกคนก็ไม่น้อยหน้า นำตุ๊กตาเหล่าอเวนเจอร์ทั้งหลายมาตั้งไว้บนโต๊ะหมู่บูชา ก่อนจะมีการก้มกราบและอ่านแถลงการณ์ เรียกเสียงหัวเราะและเสียงปรบมือจากผู้ที่มาชมละครกันอย่างไม่ขาดสาย ซึ่งถือว่าเป็นการแสดงละครล้อเลียนการเมืองไทยที่วุ่นวายอยู่ในขณะนี้หลังมีผู้สมัคร ส.ส.หลายพรรค เปลี่ยนใจหันไปอยู่ข้างพรรคพลังประชารัฐ จากเดิมที่ก่อนเลือกตั้งยืนยันว่าไม่ขอร่วมรัฐบาลกับพรรคเผด็จการ

ซึ่งการแสดงละครครั้งนี้ใช้เวลาประมาณ 15 นาที ก่อนที่ทั้งหมดรวมตัวกันโดยให้นายนายประสิทธิ์ ครุธาโรจน์ แกนนำสมัชชาเสรีแห่งมหาวิทยาลัยเชียงใหม่เพื่อประชาธิปไตยอ่าน ถ้อยแถลงแสดงความกังวลต่อความอยุติธรรมในสังคมไทย โดยในถ้อยแถลงนั้นมีเนื้อหาว่า นับตั้งแต่มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเป็นต้นมา สังคมไทยล้วนแล้วแต่เกิดข้อครหาต่อการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่รัฐหลายฝ่าย โดยเฉพาะผู้ถูกมองว่าเปนกรรมการควบคุมกติกาในการเลือกตั้งที่หลายครั้งไม่เคยแสดงความยุติธรรมให้ปรากฏในสังคมไทย ภายหลังการเลือกตั้ง กระบวนการการประกาศใช้กฏเกณฑ์และวิธีการคำนวณคะแนนของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรก็เต็มไปด้วยข้อครหาในสังคม หลายครั้งคณะกรรมการการเลือกตั้งก็ บ่ายเบี่ยงลังเลและไม่ตอบคำถามต่อสังคมแม้กระทั่งประกาศใช้วิธีการคำนวณ ส.ส. แบบบัญชีรายชื่อก็ไม่ได้สอดคล้องไปกับพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งเอื้อประโยชน์ให้แก่บางพรรคการเมือง ที่ถูกเรียกในสังคมว่า ‘’ ส.ส.เอื้ออาทร’’ ปรากฏต่อมา ส.ส.จากพรรคขนาดเล็กมากเข้าไปสนับสนุนการสืบทอดอำนาจของรัฐบาลเผด็จการทหารของพลเอกประยุทธ จันทร์โอชา ในกรณีนี้ก็เสมือนเป็นการเอื้อประโยชน์แก่บางขั้วการเมือง ที่ต้องการสืบทอดอำนาจเผด็จการ ที่กดขี่และปิดกั้นพลเมืองไทยอยู่ในขณะนี้
นอกจากนี้แล้ว การเลือกดำเนินคดี กับ ส.ส. เพียงบางคนในกรณีเรื่องการถือหุ้นสื่อของนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ที่มีความสัมพันธ์กับการถือหุ้นสื่อที่ถูกคณะกรรมการการเลือกตั้งส่งฟ้องศาลรัฐธรรมนูญได้มีคำสั่งให้นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ยุติการปฏิบัติหน้าที่ ส.ส.ชั่วคราว จนกว่าจะมีคำสั่งเป็นอื่น ซึ่งสิ่งที่น่าสังเกตคือกระบวนการทำงานที่รวดเร็วผิดปกติ ของ กกต.ต่อกรณีนี้ ซึ่งมีกรณีคล้ายคลึงกันที่ถูกยื่นฟ้องต่อ กกต. แต่กรณีของอีกฝ่ายการเมือง กลับดำเนินการอย่างเชื่องช้า ประดุจหนึ่งว่าจะเลือกปฏิบัติหน้าที่เพียงบางงานเท่านั้นเอง ขณะเดียวกัน การสืบสวนการกระทำความผิดของพรรคการเมืองก็ปรากฏความเอ็นเอียงและการเลือกปฏิบัติ มีความรวดเร็วในการทำงานที่แตกต่างกัน อันสร้างความกังวลและสงสัยต่อการปฏิบัติงานของหน่วยงานต่างๆ เสมอมา ดังนั้นพวกเราในฐานะพลเมืองแห่งราชอาณาจักรไทย อันมีศักดิ์และสิทธิ์ในการตั้งคำถาม อันจะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงสังคมไทยให้ดีขึ้นล้วนแล้วแต่มีความกังวลต่อความอยุติธรรมที่บังเกิดในสังคมเสมอมา พวกเราจึงหวังไว้เป็นอย่างยิ่งว่าจะเห็นความยุติธรรมบังเกิดในสังคมและหวังว่าทุกคนจะร่วมกันผลักดันให้สังคมไทยให้ไปสู่สังคมที่ยุติธรรมและมีประชาธิปไตยที่แท้จริง

ร่วมแสดงความคิดเห็น