หวั่นคดีเงียบ! ญาติสาวพริตตี้นวดเกิดช็อกแท้งลูก ขึ้นโรงพักติดตามความคืบหน้าคดี หลังผ่านมาเกือบ 5 เดือนเรื่องยังไม่คืบ

ญาติสาวพริตตี้นวดเกิดช็อกแท้งลูก ขึ้นโรงพักติดตามความคืบหน้าคดี หลังผ่านมาเกือบ 5 เดือนเรื่องยังไม่คืบ เผยหลานสาวยังอาการน่าห่วง หมดค่ารักษาแล้วกว่า 3 แสนบาท หวั่นคดีเงียบ

จากกรณี น.ส.วิราวรรณ เกษเกษี อายุ 26 ปี สาวพริตตี้สาว ซึ่งตั้งท้องได้ประมาณ 6 เดือน ได้เข้าไปใช้บริการนวดแผนโบราณ แห่งหนึ่งในย่าน อ.เมือง จ.เชียงใหม่ และขณะที่กำลังนวด นั้นเกิดอาการช็อกหมดสติ ทางเจ้าหน้าที่ต้องเร่งนำส่งโรงพยาบาล จนกระทั่งแพทย์ต้องผ่าตัดเอาลูกออกเนื่องจากลูกในท้องเสียชีวิต และ เจ้าตัวอาการสาหัส ต้องนอนรักษาตัวในห้อง ICU อาการยังโคม่าและไม่ดีขึ้น จนต่อมาทางบิดาของ นางสาว วิราวรรณ และน้า ได้เข้าแจ้งความต่อทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ภูพิงคราชนิเวศน์ และเจ้าหน้าที่เกี่ยวข้องให้มีการตรวจสอบ และต่อมาเมื่อวันที่ 11 ก.พ.62 นายชัยวัฒน์ คำยา อายุ 53 ปี น้าของ น.ส.วิราวรรณ และเจ้าหน้าที่เกี่ยวข้องทุกฝ่าย ได้เข้าร่วมการประชุมเพื่อพูดคุยหารือถึงการช่วยเหลือเยียวยาเบื้องต้นกับทางฝ่ายผู้เสียหายหลังจากที่ได้มีการแจ้งความและเรียกร้องให้เจ้าหน้าที่เกี่ยวข้อง รวมไปถึงร้านนวดได้ออกมาแสดงความรับผิดชอบและดำเนินการตรวจสอบ โดยได้มีการช่วยเหลือในเรื่องของค่าใช้จ่ายก่อน จำนวน 20,000 บาท และในส่วนของเรื่องคดีความทางเจ้าหน้าที่ตำรวจก็จะได้รวบรวมพยานหลักฐาน โดยล่าสุดในวันนี้ 14 มิ.ย.62 นายชัยวัฒน์ คำยา อายุ 53 ปี น้าชาย ของ น.ส.วิราวรรณ เกษเกษี อายุ 26 ปี ได้เดินทางมายัง สภ.ภูพิงคราชนิเวศน์ อีกครั้งเพื่อติดตามความคืบหน้าของคดีและเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยในวันนี้ได้มีการนัดพบกับทาง นายธวัช พันมา ยุติธรรมจังหวัดเชียงใหม่, นางอิ่มแก้ว ชัยศรี ประธานชมรมผู้สูงอายุ อำเภอดอยสะเก็ด และทาง พ.ต.ท.เอนก ไชยวงค์ รอง ผกก.(สอบสวน) หน.งานสอบสวน สภ.ภูพิงคราชนิเวศน์ และ ร.ต.อ.อมรชัย ตรังวัชรกุล รองสว.สอบสวน เป็นคนกลางในการเจรจา ทั้งนี้ทาง นายชัยวัฒน์ น้าชาย ของ น.ส.วิราวรรณ เปิดเผยว่า ในการเดินทางมาวันนี้เพื่อมาติดตามความคืบหน้า และเร่งรัดการดำเนินงานของทางเจ้าหน้าที่เกี่ยวกับคดีของหลานสาวตนที่เกิดขึ้น โดยได้มีการนัดคุยกับคู่กรณีซึ่งหากจะมีการช่วยเหลือก็เป็นอีกเรื่อง แต่เรื่องของการดำเนินคดีก็ต้องเป็นไปตามกฎหมาย เนื่องจากเรื่องของการดำเนินคดีนั้นค่อนข้างล่าช้า ไม่มีความคืบหน้าแต่อย่างใด ทั้งเรื่องของคดี และเรื่องของการแจ้งข้อกล่าวหา ส่วนในเรื่องของการช่วยเหลือเยียวยานั้นก็ได้รับเงินเพียง 20,000 บาท จากครั้งก่อนที่ได้มีการนัดเจรจากัน จนตอนนี้ตนต้องขายทรัพย์สินที่มีอยู่เพื่อนำเงินมารักษาอาการของหลานสาวที่ยังนอนป่วย รวมระยะเวลาประมาณ 5 เดือนก็หมดเงินไปเกือบ 3 แสนบาทแล้ว นอกจากนี้ล่าสุดหลานสาวก็ต้องกลับไปนอนรักษาตัวที่โรงพยาบาลอีกรอบ เนื่องจากมีอาการติดเชื้อในปอดและกระแสเลือด อย่างไรก็ตามจึงอยากให้มีการติดตามเรื่องให้ถึงที่สุดเพราะกลัวว่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นนี้จะเงียบหายไป โดยหากหลังจากนี้ยังไม่มีความคืบหน้าตนก็จะเดินหน้าแจ้งความกับทางกองปราบและเจ้าหน้าที่เกี่ยวข้องอื่นๆ ต่อไป อย่างไรก็ตามภายหลังการนัดเจรจาหารือกันแล้วนั้น ทาง พ.ต.ท.เอนก ไชยวงค์ รอง ผกก.(สอบสวน) หน.งานสอบสวน สภ.ภูพิงคราชนิเวศน์ เปิดเผยว่า หลังจากการสอบสวนแพทย์ที่ให้การรักษานั้นแพทย์ได้ระบุไว้ว่าคนท้องไม่ควรที่จะได้รับการนวด ซึ่งในทางคดีนั้นจะได้มีการแจ้งข้อหาให้กับหมอนวดที่เป็นคนนวดในฐานความผิด “กระทำการโดยประมาท” เพราะว่าหมอนวดนั้นรู้อยู่แล้วว่าคนท้องคนที่จะได้รับการนวดหรือว่าไม่ควร ส่วนการเรียกร้องค่าเสียหายนั้นทางนายชัยวัฒน์ฯ ได้เรียกร้องเป็นจำนวนเงินทั้งหมด 3 แสนบาท ซึ่งในตอนนี้ทางชมรมร้านนวดได้จ่ายไปแล้ว 20,000 บาท และล่าสุดมีการพูดคุยเจรจากันเพื่อเตรียมจะมอบเงินให้อีก 30,000 บาท ซึ่งยังคงค้างอีก 250,000 บาท โดยจะมีการเจรจากันอีกตามขั้นตอนต่อไป

ร่วมแสดงความคิดเห็น