รมว.ยุติธรรม ย้ำชัด ยินยอมให้ใช้กัญชาทางการแพทย์หรือวิทยาศาสตร์ได้

เมื่อวันที่ 29 กรกฎาคม 2562 นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กล่าวถึงกรณีกัญชา ว่า “ประเทศไทยอยู่ภายใต้อนุสัญญาเดี่ยวว่าด้วยยาเสพติดให้โทษ ค.ศ. 1961 แก้ไขโดยพิธีสาร ค.ศ. 1972 และอนุสัญญาว่าด้วยวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท ค.ศ. 1971 ซึ่งอนุสัญญาทั้ง 2 ฉบับนี้ ยินยอมให้ใช้กัญชาทางการแพทย์หรือวิทยาศาสตร์ได้ แต่รัฐบาลต้องคำนึงถึงความปลอดภัยต่อสุขภาพ และการป้องกันการรั่วไหลไปยังตลาดมืด ซึ่งรัฐบาลต้องมีการข้อกำหนดที่ชัดเจนในการอนุญาตให้ผลิต ปลูก หรือใช้กัญชาทางการแพทย์ที่จะต้องดำเนินการโดยมีระบบใบอนุญาต (Licensing System) เพื่อให้มั่นใจว่าตลาดกัญชาของรัฐนั้นๆ จะไม่เกินความต้องการใช้ทางการแพทย์และทางวิทยาศาสตร์” โดยมีคณะกรรมการการควบคุมยาเสพติดระหว่างประเทศเป็นหน่วยงานที่เป็นกลไกกำกับดูแล การปฏิบัติให้เป็นไปตามบทบัญญัติของอนุสัญญาฯ ประเทศภาคีสมาชิกจะต้องรายงานให้ทราบเกี่ยวกับการดำเนินการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด และวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาทที่ผิดกฎหมาย

นอกจากนี้ รัฐมนตรีว่าการยุติธรรมยังให้ข้อมูลถึงปลูกกัญชาต้องทำอย่างไร โดยประเด็นสำคัญที่ประชาชนควรรู้ก่อนขออนุญาตปลูกกัญชา คือ 1. จะปลูก “กัญชา” ได้ต้องเป็นผู้มีสิทธิ์ การขออนุญาตปลูกกัญชา จะต้องเป็นผู้ที่มีคุณสมบัติตามที่กฎหมายกำหนด ได้แก่ – หน่วยงานของรัฐที่มีหน้าที่ศึกษาวิจัยหรือจัดการเรียนการสอนทางการแพทย์ เภสัชศาสตร์ วิทยาศาสตร์ หรือเกษตรศาสตร์ หรือมีหน้าที่ให้บริการทางการแพทย์ หรือเภสัชกรรม หรือวิทยาศาสตร์ หรือให้บริการทางเกษตรกรรม เพื่อประโยชน์ทางการแพทย์ หรือเภสัชกรรม หน่วยงานของรัฐที่มีหน้าที่ในการป้องกัน ปราบปราม และแก้ไขปัญหายาเสพติด หรือสภากาชาดไทย – สถาบันอุดมศึกษาเอกชน ที่มีการเรียนการสอนและวิจัยทางการแพทย์หรือเภสัชศาสตร์ – เกษตรกรที่รวมกลุ่มเป็นวิสาหกิจชุมชน วิสาหกิจเพื่อสังคม หรือสหกรณ์การเกษตร และดำเนินการภายใต้ความร่วมมือ เช่น สหกรณ์การเกษตร วิสาหกิจชุมชนที่อยู่ภายใต้หน่วยงานของรัฐ หรือ หรือสถาบันอุดมศึกษาเอกชน ผู้ขออนุญาตอื่นๆ ตามที่กำหนดในกฎกระทรวง
2. จะปลูก “กัญชา” ได้ต้องได้รับอนุญาต ผู้มีคุณสมบัติตามกฎหมายข้างต้นจะต้องยื่นขออนุญาต โดยในกรุงเทพฯ ยื่นที่สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา ผ่านความเห็นจากคณะกรรมการควบคุมยาเสพติดโทษ เสนอเลขาธิการ อย. เป็นผู้อนุญาต ในต่างจังหวัดให้ยื่น สาธารณสุขจังหวัด ณ ท้องที่ที่สถานที่ปลูกตั้งอยู่ โดยผ่านความเห็นชอบจากคณะกรรมการที่มีผู้ว่าราชการจังหวัด แต่งตั้งหรือมอบหมาย เสนอผ่านความเห็นจากคณะกรรมการควบคุมยาเสพติดให้โทษ เสนอเลขาธิการ อย. เป็นผู้อนุญาต

3. จะได้รับอนุญาตต้องดำเนินการ ดังนี้ ยื่นเอกสารขออนุญาต โดยทำเป็นโครงการ ซึ่งต้องสอดคล้องกับวัตถุประสงค์เพื่อการแพทย์หรือเพื่อการศึกษาวิจัย อาทิ ต้องระบุ สถานที่เพาะปลูก ปริมาณการปลูกต้องสอดคล้องกับแผนการผลิต แผนการจำหน่าย และแผนการใช้ประโยชน์ รวมถึงต้องระบุให้เห็นถึงมาตรการรักษาความปลอดภัย เพื่อป้องกันการรั่วไหลของกัญชา รวมทั้งสถานที่ที่ปลูกต้องมีภาพถ่ายและพิกัดสถานที่ทางภูมิศาสตร์ เป็นต้น

สำหรับผู้ป่วยที่มีความประสงค์ใช้กัญชาเพื่อรักษาโรค ขณะนี้มีสถานพยาบาลทั่วประเทศที่มียากัญชาที่มีคุณภาพ มาตรฐาน และปลอดภัย ใช้ในทางการแพทย์อย่างเพียงพอ มีการกระจายยาทั่วถึง และเป็นระบบ รวมทั้งมีแพทย์ และเภสัชกรที่ผ่านการอบรม 400 คน และแพทย์แผนไทยผ่านการอบรม 2,900 คน ซึ่งผู้ป่วยจะสามารถเข้าถึงบริการทางการแพทย์ในสถานพยาบาลที่มีมาตรฐานภายใต้การดูแลของแพทย์เพื่อการรักษาที่มีสิทธิภาพสูงสุด

 

ร่วมแสดงความคิดเห็น