สุขสันต์ วันสารทจีน15 สิงหาคม 2562

สารทจีน 2562 หรือ วันสารทจีน ตรงกับวันที่ 15 สิงหาคม ตามปฏิทินจีนโบราณ เดือน 7 นับว่าเป็นอีกเทศกาลหนึ่งที่มีความสำคัญสำหรับชาวจีน ที่ลูกหลานจะแสดงความกตัญญูต่อบรรพบุรุษ และยังเป็นเวลาที่ประตูนรกเปิดให้บรรดาภูตผีออกเร่ร่อนตามสถานที่ต่าง ๆ ดังนั้นเพื่อเป็นการแก้อาถรรพ์ ชาวจีนจึงมีการเซ่นไหว้ด้วยของไหว้สารทจีน หลากความหมาย ที่ปฏิบัติสืบกันมาเนิ่นนานในเทศกาลวันสารทจีน

มีตำนานอันโด่งดังอย่างมากของที่มาเรื่องความเชื่อนี้ มีเรื่องเล่าอยู่ว่า

มีชายหนุ่มผู้หนึ่งมีนามว่า “มู่เหลียน” เป็นคนเคร่งครัดในพุทธศาสนามาก ผิดกับมารดาที่เป็นคนใจบาปหยาบช้าไม่เคยเชื่อเรื่องนรก-สวรรค์มีจริง ปีหนึ่งในช่วงเทศกาลกินเจนางเกิดความหมั่นไส้คนที่นุ่งขาวห่มขาวถือศีลกินเจ นางจึงให้มู่เหลียนไปเชิญผู้ถือศีลกินเจเหล่านั้นมากินอาหารที่บ้านโดยนางจะทำอาหารเลี้ยงหนึ่งมื้อ แต่หาทราบไม่ว่าในน้ำแกงเจนั้นมีน้ำมันหมูเจือปนอยู่ด้วย การกระทำของมารดามู่เหลียนนั้นถือว่าเป็นกรรมหนัก เมื่อตายไปจึงตกนรกอเวจีมหานรกขุมที่ 8 เป็นนรกขุมลึกที่สุด เมื่อมู่เหลียนคิดถึงมารดาก็ได้ถอดกายทิพย์ลงไปในนรกภูมิ จึงได้รู้ว่ามารดาของตนกำลังอดอยาก จึงป้อนอาหารแก่มารดา แต่ได้ถูกบรรดาภูตผีที่อดอยากรุมแย่งไปกินหมดและเม็ดข้าวสุกที่ป้อนนั้นกลับเป็นไฟเผาไหม้ริมฝีปากของมารดาจนพอง แต่ด้วยความกตัญญูและสงสารมารดาที่ได้รับความทุกข์ทรมานอย่างสาหัสมู่เหลียนได้เข้าไปขอพญาเหงี่ยมล่ออ๊อง (ท้าวมัจจุราช) ว่าตนของรับโทษแทนมารดา

แต่ก่อนที่มู่เหลียนจะถูกลงโทษด้วยการนำร่างลงไปต้มในกระทะทองแดง พระพุทธเจ้าได้เสด็จลงมาโปรดไว้ได้ทัน โดยกล่าวว่ากรรมใดใครก่อก็ย่อมจะเป็นกรรมของผู้นั้นและพระพุทธเจ้าได้มอบคัมภีร์อิ๋ว หลันเผิน ให้มู่เหลียนท่องเพื่อเรียกเซียนทุกทิศทุกทางมาช่วยผู้มีพระคุณให้หลุดพ้นจากการอดอยากและทุกข์ทรมานต่าง ๆ ได้ โดยที่มู่เหลียนจะต้องสวดคัมภีร์อิ๋ว หลันเผินและถวายอาหารทุกปีในเดือนที่ประตูนรกเปิดจึงจะสามารถช่วยมารดาของเขาให้พ้นโทษได้ นับแต่นั้นเป็นต้นมา ชาวจีนจึงได้ถือเป็นประเพณีปฏิบัติสืบต่อมากันโดยตลอดด้วยการเซ่นไหว้ โดยจะนำอาหารทั้งคาวหวาน และกระดาษเงินกระดาษทองไปวางไว้ที่หน้าบ้านหรือตามทางแยกที่ไม่ไกลนัก มีนัยว่าเป็นการเบี่ยงเบนความสนใจของบรรดาวิญญาณเร่ร่อนที่กำลังจะผ่านมาใกล้ที่พักของตน

การไหว้ในเทศกาลสารทจีน

ช่วงเวลาที่เหมาะสำหรับการเซ่นไหว้ในช่วงสารทจีนนั้นนิยมทำกันในช่วงเช้า เริ่มต้นจากการเซ่นไหว้เจ้าที่เจ้าทาง จากนั้นจึงนำเอากระดาษเงินกระดาษทองมาเผาให้เรียบร้อย ต่อด้วยช่วงสายๆ จึงตั้งโต๊ะเพื่อทำการไว้บรรพบุรุษและไหวฮ้อเฮียตี๋ แต่ในบางบ้านบางครอบครัวก็นิยมไหว้กันในช่วงบ่าย หากไหว้พร้อมกันให้ตั้งโต๊ะแยกจากกัน แต่สามารถเผากระดาษเงินกระดาษทองร่วมกันได้ จะเห็นได้ว่า การไหว้ในช่วงเทศกาลสารทจีนจะมีความแตกต่างจากการไหว้ในเทศกาลอื่นๆ โดยได้แบ่งการไหว้ออกเป็นส่วนๆ 3 ส่วน 3 ชุด ดังนี้

1. ชุดสารทจีนสำหรับไหว้เจ้าที่ ทำการไหว้ตอนเช้า โดยประกอบไปด้วยอาหารคาวและหวาน ขนมที่ไหว้จะนิยมเป็นขนมถ้วยฟู กุยช่าย ขนมเทียน ขนมเข่ง ซึ่งต้องมีจุดสีแดงแต้มไว้ตรงกลาง เนื่องจากชาวจีนเชื่อกันว่าสีแดง คือ สีแห่งความเป็นศิริมงคล นอกจากนั้นควรจะมี น้ำชา น้ำผลไม้ เหล้าจีน หรือกระดาษเงินกระดาษทอง


2. ชุดสารทจีนสำหรับไหว้บรรพบุรุษ จะทำเมนูอาหารที่บรรพบุรุษชื่นชอบ แล้วแต่บุคคล อีกทั้งควรจะมีอาหารที่เป็นน้ำ เช่น ต้มจืด หรือขนมน้ำใสๆ และนิยมให้ขนมเทียน ขนมเข่ง ผลไม้ น้ำชา แก่บรรพบุรุษ รวมไปถึงกระดาษเงิน กระดาษทอง เพราะเชื่อกันว่า ให้บรรพบุรุษนำไปใช้ในภพภูมิของตนเอง


3. ชุดสำหรับเซ่นไหว้วิญญาเร่ร่อน หรือวิญญาณไร้ญาติ ชาวจีนมักเรียกวิญญาณที่ไม่มีญาติเหล่านี้ว่า ไป๊ฮ๊อเฮียตี๋ มีความหมายว่า ไหว้พี่น้องที่ดี นับเป็นการสะท้อนถึงความสุขภาพและให้เกียรติกันของชาวจีนโดยเรียกผีที่ไม่มีญาติ ว่า พี่น้องที่ดีของเรา ซึ่งการไหว้จะไหว้บริเวณนอกบ้าน มีของเซ่นไหว้เป็นอาหารคาวหวานและผลไม้ตามต้องการ รวมถึงต้องมีของพิเศษ อย่าง ข้าวหอมแบบจีนโบราณ เผือกนึ่งผ่าซีกเป็นเสี้ยวใส่ถาด เส้นหมี่ห่อใหญ่ เหล้า น้ำชา และกระดาษเงินกระดาษทอง จากนั้นนำของทุกอย่างที่เตรียมไว้จัดให้วางอยู่ด้วยกันเพื่อเตรียมทำพิธีต่อไป

5 ขนมที่ใช้ไหว้วันสารทจีน

-ขนมเทียน
-ขนมมัดไต้
-ขนมถ้วยฟู
-ขนมสาลี่ปุยฝ้าย
-ขนมเปี๊ยะ

7 ข้อห้ามทำเมื่อถึงสารทจีน
  1. ห้ามแต่งงานในเดือนนี้
  2. ห้ามเดินทางบ่อยในเดือนนี้
  3. ห้ามอยู่นอกบ้านช่วงดึกดื่นในเดือนนี้
  4. ห้ามซื้อบ้าน / ห้ามย้ายบ้านในเดือนนี้
  5. ห้ามเริ่มงานก่อสร้างใดๆ ในเดือนนี้
  6. ห้ามดำเนินการเริ่มธุรกิจใดๆ ในเดือนนี้
  7. ห้ามว่ายน้ำตอนกลางคืนในเดือนนี้

ซึ่งทั้งหมดที่กล่าวมา เป็นความเชื่อของเทศกาลวันสาทรจีนค่ะ แง่คิดในวันสารทจีน นอกจากจะเป็นประเพณีที่ลูกหลานจะแสดงความกตัญญูต่อบรรพบุรุษซึ่งล่วงลับไปแล้ว ยังเป็นประเพณีที่มีกุศโลบายในการสนับสนุนให้ทุกคนในครอบครัวทำกิจกรรมร่วมกันอย่างพร้อมหน้าและมีความสุขด้วยค่ะ

ร่วมแสดงความคิดเห็น