ไม่ใช่หน้าหนาวก็เที่ยวได้ อีกมุมมองของ “ขุนช่างเคี่ยน” ในวันที่ไม่มีดอกนางพญาเสือโคร่ง!

บ้านขุนช่างเคี่ยน เป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดฮิตติดซาร์จ สถานที่ต้องห้ามพลาดในช่วงฤดูหนาวแห่งหนึ่งของจังหวัดเชียงใหม่ และประเทศไทยเลยทีเดียว เนื่องจากว่าในช่วงฤดูหนาว ประมาณเดือนมกราคมถึงกุมภาพันธ์ของทุกปี หลายพื้นที่ของหมู่บ้านแห่งนี้ จะประดับประดาไปด้วยสีชมพูอ่อน ของดอกนางพญาเสือโคร่ง หรือที่เรียกกันง่ายๆ ว่า ดอกซากุระเมืองไทย แทบทุกพื้นที่ของหมู่บ้านแห่งนี้ จะคราคร่ำไปด้วยนักท่องเที่ยว ทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศ ทำให้การสัญจรเข้าหมู่บ้านแห่งนี้ ด้วยรถยนต์นั้นแทบเป็นไปไม่ได้เลย

แต่สำหรับช่วงเวลานอกเหนือจากนั้นแล้วละก็ ใครหลาย ๆ คนคงจะตั้งคำถามว่า หากไม่มี ดอกนางพญาเสือโคร่งแล้ว หมู่บ้านแห่งนี้ มีอะไร จะไปดูอะไร จะไปทำอะไรล่ะ? อันที่จริงแล้วเส้นทางไปยังบ้านขุนช่างเคี่ยน มีสถานที่น่าสนใจหลายๆ แห่ง เริ่มตั้งแต่เส้นทางแยกจากทางไปบ้านม้งดอยปุย ไปยังบ้านขุนช่างเคี่ยน ไปอีกไม่ไกล ก็มีโอกาสแวะถ่ายรูปสวยๆ ที่ #จุดชมวิวบ้านม้งดอยปุย จากนั้นก็ จะพบเส้นทางไปยัง #ยอดดอยปุย ที่ต้องเดินเท้าเข้าไปประมาณ 2 กิโลเมตร กว่าจะกลับมายังจุดเริ่มต้น ก็เล่นเอาหอบแฮกๆ กันเลยทีเดียว ภายในเส้นทางมีจุดชมวิวสวยๆ อยู่พอสมควร หลังจากนั้นก็ผ่าน #ลานกางเต้นท์ #จุดบริการนักท่องเที่ยว ของอุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ-ปุย ที่มีความสะอาด เป็นระเบียบเรียบร้อย โดยสถานที่แห่งนี้ จะเปิดให้บริการประมาณเดือนตุลาคมของทุกปี ไปจนถึงประมาณเดือนเมษายน ขึ้นอยู่กับสภาพอากาศในปีนั้น ๆ

การเดินทางไปยังบ้านขุนช่างเคี่ยน ในช่วงที่ไม่มีดอกนางพญาเสือโคร่งนั้น ระหว่างทางจะพบเห็นนักท่องเที่ยวเดินทางด้วยรถยนต์ รถจักรยานยนต์และรถจักรยาน ผ่านไปผ่านมาบ้างมี เพื่อนร่วมทางทั้ง นักท่องเที่ยวสายเดินป่า นักวิ่งสายเทรลรันเนอร์ รวมถึงนักปั่นที่มาประลองความสามารถ หรือปั่นชมวิวสองข้างทางที่ร่มรื่นกันบ้างประปราย ท่ามกลางอากาศที่เย็นสบาย มีลมพัดโชยตลอดเวลา และเมื่อผ่านสถานีวิจัยเกษตรที่สูงขุนเคี่ยน สถานที่ชมดอกนางพญาเสือโคร่งในช่วงฤดูหนาว อันโด่งดังของประเทศไทย ที่มีแต่ต้นและใบนางพญาเสือโคร่งที่เขียวขจี แต่ก็ยังมีดอกไม้หลากสี ที่แข่งขันบานชูช่ออยู่ประปรายให้ได้ยลโฉมกัน

บ้านขุนช่างเคี่ยนในวันที่ไม่มีดอกนางพญาเสือโคร่ง ก็ยังเป็นสถานที่ที่น่ามาเยี่ยมเยือนมากเลยทีเดียว โดยเฉพาะท่านที่ต้องการพักผ่อนปล่อยความคิดไปตามสายลม และความเงียบสงบ ฟังเสียงจากธรรมชาติรอบข้าง ใช้ชีวิตแบบสบายๆ สไตล์สโลว์ไลฟ์ รวมถึงการเยี่ยมชมวิถีชีวิตของชาวบ้าน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นชาวม้ง มีอาชีพด้านการเกษตร การปลูกพืชผัก ผลไม้เมืองหนาวต่าง ๆ ได้ลองลิ้มชิมรสชาติของกาแฟสด จากผลผลิตบ้านขุนช่างเคี่ยนที่มีรสชาติกลมกล่อม ในร้านกาแฟน่ารัก ๆ ท่ามกลางอากาศที่เย็นสบาย ลมโชยอ่อน ๆ ที่เมื่อได้มาสัมผัสแล้วแทบไม่อยากออกไปจากที่แห่งนี้เลยทีเดียว

ขอบคุณภาพและข้อมูลจาก : Thailand Story

ร่วมแสดงความคิดเห็น