อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่า และพันธุ์พืช สั่งปิดดอยหลวงเชียงดาว เพื่อฟื้นฟูระบบนิเวศน์

นายธัญญา เนติธรรมกุล อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่า และพันธุ์พืช ได้ออกประกาศกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช “เรื่องปิดเส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติดอยหลวงเชียงดาว ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเชียงดาว จ.เชียงใหม่” โดยมีประกาศ เมื่อวันที่ 11 กันยายน ที่ผ่านมา หลังจากเจ้าหน้าที่ขึ้นไปสำรวจบนดอยหลวงเชียงดาว ซึ่งเกิดไฟไหม้ป่า ตั้งแต่เดือนมีนาคม-เมษายน เสียหายไปทั้งหมดเกือบ 4 พันไร่ นอกจากนี้ ยังมีสัตว์ป่าสงวนเสียชีวิตจากไฟป่า และจากการล่าสัตว์ด้วยน้ำมือมนุษย์

สำหรับหนังสือประกาศนั้น ระบุว่า การปิดเส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติดอยหลวงเชียงดาวนั้น เพื่อเป็นการฟื้นฟูระบบนิเวศน์บนดอยหลวงเชียงดาว เนื่องจากที่ผ่านมาสถานการณ์ไฟป่าที่รุนแรง ส่งผลให้ระบบนิเวศน์บนดอยหลวงเชียงดาว ทั้งพืชเฉพาะถิ่น พืชกึ่งอัลไพน์ มีความเสียหายยังไม่สามารถประเมินได้ ดังนั้น ทางกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่า และพันธุ์พืช พิจารณาแล้วเห็นว่าเพื่อประโยชน์ในการคุ้มครอง ดูแล และรักษาต่อแหล่งอาหาร ที่อยู่อาศัยและการขยายพันธุ์ของสัตว์ป่า รวมทั้งการดำเนินการสำรวจผลกระทบด้านพันธุ์พืช จึงส่งผลทำให้ระบบนิเวศน์ และสัตว์ป่าสงวนและสัตว์ป่าคุ้มครองที่อาศัยอยู่บนดอยหลวงเชียงดาวเสียชีวิต จึงทำให้ในปีนี้ นายธัญญา เนติธรรมกุล อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช ได้มีคำสั่งเมื่อวันที่ 11 กันยายน 2562 ไปจนถึงวันที่ 29 กุมภาพันธ์ 2563 ให้มีการสั่งปิดดอยหลวง
ซึ่งปีนี้นักท่องเที่ยว จะไม่สามารถเดินทางขึ้นไปเที่ยวดอยหลวงเชียงดาว เพื่อศึกษาและชมธรรมชาติที่สวยงามได้ ส่วนกรณีถ้าจะมีผู้เข้าไปในพื้นที่นั้น ให้ทางหัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเชียงดาว เป็นผู้พิจารณาเป็นกรณีไปตามความเหมาะสม
ด้าน นายประกาศิต ระวิวรรณ หัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเชียงดาว เปิดเผยว่า จากการขึ้นไปสำรวจความเสียหายจากไฟป่าบนดอยทุกยอดดอย ถูกไฟไหม้กินพื้นที่กว่า 3 พันไร่ สาเหตุเนื่องจากมีการจุดไฟเพื่อล่าสัตว์ เนื่องจากพบร่องรอยการล่าสัตว์ พบอาวุธและกะโหลกของกวางผาซุกซ่อนอยู่ในซอกถ้ำ นอกจากนี้ยังมีพืชพรรณไม้หายากอย่าง เช่น ดอกกุหลาบขาวเชียงดาวถูกไฟไหม้ อย่างไรก็ตาม หลังจากนี้รอเวลาแต่ละช่วง ฝน หนาว ร้อน เพื่อสำรวจพรรณพืชให้ครบ และสรุปได้ว่าฟื้นตัวได้หรือไม่ โดยเจ้าหน้าที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเชียงดาว
หลังจากนี้จะได้มีมาตรการรองรับด้วยการหารือกับภาคี และผู้ประกอบการในพื้นที่ช่วยกันแนะนำการท่องเที่ยวทางเลือก ที่ไม่ใช่การขึ้นยอดดอยหลวง อาทิ การเดินศึกษาธรรมชาติในป่ารอบดอยแบบ 1 วัน การท่องเที่ยวโดยชุมชน การขึ้นดอยค้ำฟ้าที่เมืองคอง การจัดการแสงสว่างในกลางคืน เพื่อทำให้เชียงดาวเป็นเมืองแห่งดาว การชื่นชมความงามของดอยหลวงเชียงดาวจากมุมต่างๆ ด้านล่างโดยรอบ ทางที่ประชุมก็เสนอเส้นทาง สถานที่ท่องเที่ยวอื่นๆ และเห็นด้วยว่าเชียงดาวควรจะเป็นเมืองที่ท่องเที่ยวได้ทุกฤดู ทั้งร้อน ฝน ไม่ใช่แค่หนาว และไม่ต้องเข้าเขตป่าสงวน
โดยจะมีการระดมความเห็นต่อไป และทางภาคีจะช่วยทำสื่อประชาสัมพันธ์ “เที่ยวเชียงดาวเที่ยวได้ทั้งปี” เพื่อรวมแผนการท่องเที่ยวแบบต่างๆ ให้ครบ เนื่องจากชุมชนหลายแห่งมีความคิดริเริ่ม มีสิ่งดึงดูดใหม่ๆ แต่ขาดการนำเสนอสู่สาธารณชน แต่ทั้งนี้ การท่องเที่ยวทุกมิติ นอกจากสร้างอาชีพและรายได้แล้ว จะต้องเป็นเครื่องมือสำคัญนำไปสู่การจัดการดูแลป่าและทรัพยากร ร่วมกับชุมชนและภาครัฐ เพื่อความยั่งยืนและแก้ปัญหาไฟป่าฝุ่นควันด้วย

ร่วมแสดงความคิดเห็น