กองทัพภาคที่ 3 และกอ.รมน. ภาค 3 แถลงผลงานที่จ.แพร่ ตั้งแต่ปัญหาไฟป่า ป่าไม้ ยาเสพติด

ผู้สื่อข่าวรายงานมาจากจ.แพร่ เมื่อเวลา14.00 นวันที่ 18 ตุลาคม 2562 ที่โรงยิมส์นีเซียม 1,000 ที่นั่ง อบจแพร่ กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 3 และคณะทำงานโฆษกแม่ทัพภาค 3 จัดแถลงข่าวครั้งที่ 54 เผยแนวทางการปราบปราบการลักลอบตัดไม้ การปราบปรามสินค้าผิดกฎหมายการแก้ไขปัญหาไฟป่าหมอกควัน ปี 2563 โดย พลโท ธวัช ศรีสว่าง รองผู้อำนวยการศูนย์เสริมสร้างความปรองดองสมานฉันท์ กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 3 , พันเอก ธำรงศักดิ์ บุญทักษ์ รองหัวหน้าศูนย์ประชาสัมพันธ์ กองทัพภาคที่ 3 ร่วมพบปะกับสื่อมวลชนจังหวัดแพร่ และนักศึกษาวิชาทหารของจังหวัดแพร่ ในกิจกรรมแถลงข่าวครั้งที่มี พันเอก รุ่งคุณ มหาปัญญาวงศ์ โฆษกกองทัพภาคที่ 3
. การเริ่มต้นแถลงข่าว เรื่องแรกได้กล่าวถึงประวัติของ จ.ส.อ.เจริญ พิรอด ทหารอาสาสมัยสงครามโบกครั้งที่ 1ชาวจ.แพร่ ต่อด้วย เรื่องที่ 2 แนวทางการแก้ไขปัญหาไฟป่าหมอกควันตามที่ได้เกิดปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก และคุณภาพอากาศที่ส่งผลกระทบต่อประชาชน ในพื้นที่ 9 จังหวัดภาคเหนือ (จ.เชียงราย, จ.เชียงใหม่, จ.ลำปาง, จ.ลำพูน, จ.แม่ฮ่องสอน, จ.น่าน, จ.แพร่, จ.พะเยา และ จ.ตาก) ในห้วงเดือน มกราคม – เมษายน ปี 2562 ที่ผ่านมา ได้เกิดจุด Hotspot หรือจุดความร้อน โดยไม่สามารถควบคุมและบริหารจัดการได้ มีปัจจัยที่ส่งผลให้สถานการณ์หมอกควันรุนแรงมากขึ้น ได้แก่
1. ปัจจัยสภาพอากาศ ซึ่งมีปรากฏการณ์เอลนิญโญ่ ทำให้น้ำฝนต่ำกว่าปกติ2. ปัจจัยด้านการเผา และเชื้อเพลิงในพื้นที่ มีการฝ่าฝืนกฎหมายลักลอบจุดไฟเผาป่าประกอบกับปี 2562 มีการสะสมเชื้อเพลิงจาก 2 ปีที่ผ่านมา 3. ปัจจัยอื่น ข้อมูลจากภาครัฐ สื่อสารไม่ถึงประชาชน
สำหรับในปี 2563 มีการถอดบทเรียน การขจัดการเชื้อเพลิงอย่างเหมาะสม การกำกับดูแล การกำหนดพื้นที่เสี่ยง และมาตรการที่ชัดเจน กลไกประชารัฐและการบูรณาการ การใช้เทคโนโลยี ความร่วมมือในอาเซียนรัฐบาลได้ตระหนักถึงปัญหา จึงได้มีมติคณะรัฐมนตรีให้ จัดตั้งศูนย์อำนวยการป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่าและหมอกควัน โดยแบ่งการจัดตั้งเป็น 3 ระดับ ดังนี้
1. ศูนย์อำนวยการป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่าและหมอกควันระดับชาติ โดยมี กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม รับผิดชอบ
2. ศูนย์อำนวยการป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่าและหมอกควันภาคเหนือ โดยมี กองทัพภาคที่ 3 รับผิดชอบ 3. ศูนย์อำนวยการป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่าและหมอกควันระดับจังหวัด โดยมี จังหวัดในพื้นที่ภาคเหนือ รับผิดชอบ
ทั้งนี้แม่ทัพภาคที่ 3 ในฐานะผู้บัญชาการควบคุมสถานการณ์ไฟป่าและหมอกควันภาคเหนือ กองทัพภาคที่ 3 ได้ดำเนินการเตรียมการและประสานการปฏิบัติที่สำคัญ โดยมีนโยบายที่สำคัญ สรุปได้ดังนี้
1. การแก้ไขปัญหาให้ดำเนินการเชิงรุก ทั้งระดับภาค และ 9 จังหวัด โดยกำหนด Time Line ที่ชัดเจน ตั้งแต่ 1 ตุลาคม 2562 เป็นต้นไป 2. การเปิด War Room ระหว่าง กองบัญชาการควบคุมฯ กับ จังหวัด โดยมอบหมายให้รองผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นประธานใน War Room ของจังหวัด และหน่วยทหารเข้าร่วมประชุมใน War Room จังหวัดนั้นด้วย
3. ผู้บังคับหน่วยทหารที่รับผิดชอบในพื้นที่จังหวัด ร่วมทำงานกับ ผู้ว่าราชการจังหวัด โดยมี รองผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในจังหวัด (ฝ่ายทหาร) เป็นผู้ประสานงานหลัก 4. สร้างเครือข่ายภาคประชาชน ในการเฝ้าระวัง และแจ้งเตือนการเกิดไฟป่า รวมทั้งขับเคลื่อนการมีส่วนร่วมในพื้นที่เสี่ยง ระหว่างองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ประชาสังคม และประชาชน จิตอาสา
5. สร้างการรับรู้ในการแก้ไขปัญหาไฟป่าและหมอกควันที่ถูกต้อง ให้แก่ประชาชนทุกภาคส่วนเพื่อร่วมด้วยช่วยกันแก้ไขปัญหาดังกล่าว
อย่างไรก็ตาม การแก้ไขปัญหาไฟป่าหมอกควันจะประสบผลสำเร็จอย่างยั่งยืนและถาวรได้นั้น ต้องเกิดจากความร่วมมือกันของทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาชน ในการแก้ไขปัญหา โดยจะต้องประชาสัมพันธ์ และสร้างการรับรู้ให้กับประชาชน เกิดจิตสำนึกมีความรักและหวงแหนป่าไม้ในบ้านเกิด รวมถึงให้ความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับปัญหาที่จะส่งผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชน ตลอดจนต้องมีการวางแผนในให้เป็นระบบแบบแผนตามลำดับขั้นตอนได้อย่างมั่นคงและทันถ่วงที
เรื่องที่ 3. การปราบปรามการลักลอบนำเข้าสินค้า จากข้อมูลสรุปผลการปราบปรามการลักลอบนำเข้าสินค้าทางการเกษตร โดยไม่ผ่านกรรมวิธีทางศุลกากร เพื่อพิทักษ์ผลประโยชน์ของชาติ ในพื้นที่กองกำลังนเรศวร (จังหวัดตาก : หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารราบที่ 14) ดังนี้.-
เมื่อวันที่ 11 ตุลาคม 2562 เวลาประมาณ 17.00 น. ภายหลังจากเจ้าหน้าที่ทหาร หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารราบที่ 14 ได้รับแจ้งข่าวว่า มีเรือติดเครื่องยนต์ 1 ลำ ขนสิ่งของบางอย่างข้ามฝั่งแม่น้ำเมยจากประเทศเพื่อนบ้านมาขึ้นฝั่งในเขตประเทศไทย แล้วจะขนย้ายสิ่งของนั้นขึ้นรถบรรทุก 6 ล้อ จำนวน 1 คัน จึงได้จัดกำลังพลจำนวน 1 ชุดปฏิบัติการ ร่วมกับเจ้าหน้าที่ด่านศุลกากรแม่สอด เข้าทำการตรวจสอบที่บริเวณท่าข้ามธรรมชาติบ้านแม่กุหลวง ตำบลแม่กุ อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก จากการตรวจสอบพบ การลักลอบขนย้ายสินค้าทางการเกษตร เป็นข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ จำนวน 70 กระสอบ (น้ำหนักประมาณ 1,050 กิโลกรัม) ข้ามชายแดนโดยใส่เรือยนต์นำข้ามแม่น้ำเมยมาขึ้นฝั่งประเทศไทย แล้วมาขนย้ายขึ้นรถบรรทุกตรงตามที่รับแจ้ง โดยมีชายไทยคนหนึ่งรับว่า เป็นเจ้าของข้าวโพดได้สั่งชื้อมาจากพ่อค้าชาวเมียนมา แล้วนำเข้ามาโดยไม่ผ่านขั้นตอนทางศุลกากร เจ้าหน้าที่จึงได้ตรวจยึดของกลางดังกล่าวส่งให้เจ้าหน้าที่ด่านศุลกากรแม่สอด ดำเนินการตามกฎหมาย
ทั้งนี้ เป็นไปตามนโยบายของรัฐบาล ในการสกัดกั้นและปราบปรามการลักลอบนำเข้าสินค้าทางการเกษตร ไม่ผ่านการเสียภาษี ไม่มีการตรวจสอบและกักกันโรค รวมทั้งไม่มีการรับรองคุณภาพตามมาตรฐานของหน่วยงานที่รับผิดชอบ อาจทำให้เกิดอันตรายต่อผู้บริโภคและก่อให้เกิดภาวะผลผลิตสินค้าทางการเกษตรภายในประเทศเกินความต้องการของตลาด ซึ่งบ่อยครั้งที่เกษตรกรเรียกร้องขอให้รัฐ เข้าช่วยเหลือแทรกแซงตลาด เนื่องจากราคาตกต่ำ รัฐจึงต้องสูญเสียงบประมาณในแต่ละปีไปเป็นจำนวนมาก ผู้บัญชาการทหารบก จึงได้มอบนโยบายให้มีการติดตามความคืบหน้าในการดำเนินคดีทางกฎหมายอย่างต่อเนื่อง และหากผลทางคดีสิ้นสุดแล้ว พบว่าเอกชนรายใดเป็นผู้กระทำการดังกล่าว ให้ประชาสัมพันธ์ ให้ประชนชนได้ทราบข้อเท็จจริงด้วย
เรื่องที่ 4. การปราบปรามการลักลอบทำลายป่า ตามที่ แม่ทัพภาคที่ 3/ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 3 ได้มีนโยบายปราบปรามการลักลอบทำลายทรัพยากรธรรมชาติและป่าไม้ โดยบูรณาการหน่วยงานที่มีภารกิจและอำนาจหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ดำเนินการปราบปรามและจับกุมผู้บุกรุก ยึดถือ ครอบครอง ทำลาย หรือด้วยการกระทำใดๆ อันเป็นการทำให้เกิดความเสื่อมเสียแก่สภาพป่า โดยการบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวดในทุกพื้นที่นั้น มีรายละเอียดการดำเนินการปราบปรามการลักลอบทำลายทรัพยากรธรรมชาติและป่าไม้ที่สำคัญ ดังนี้.-
เหตุการณ์ที่ 1 เมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2562 เวลาประมาณ 08.00 น. เจ้าหน้าที่ทหาร หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 36 จำนวน 1 ชุดปฏิบัติการ ร่วมกับเจ้าหน้าที่จากอุทยานแห่งชาติสาละวิน ทำการตรวจยึด ไม้สักท่อน (ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 1.50 เมตร ยาว 2.60 เมตร) จำนวน 4 ท่อน ที่มีบุคคลบุกรุกเข้าไปตัดต้นสักในพื้นที่ป่า บริเวณบ้านแม่กองคา ตำบลแม่ยวม อำเภอแม่สะเรียง จังหวัดแม่ฮ่องสอน เจ้าหน้าที่ได้ตรวจสอบบริเวณโดยรอบแล้ว ยังไม่พบตัวผู้กระทำผิด จึงได้แจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน ให้ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
เหตุการณ์ที่ 2 เมื่อวันที่ 11 ตุลาคม 2562 เวลาประมาณ 05.30 น. เจ้าหน้าที่ทหาร หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 35 จำนวน 1 ชุดปฏิบัติการ ร่วมกับเจ้าหน้าที่จากหน่วยป้องกันรักษาป่าที่ ตก.26 (กูเตอร์โกล) ทำการตรวจยึดไม้ขนุนป่าแปรรูปจำนวนมาก ที่มีบุคคลบุกรุกเข้าไปตัดและแปรรูปไม้ในพื้นที่ป่า บริเวณบ้าน เลอะทุทะ ตำบลสามหมื่น อำเภอแม่ระมาด จังหวัดตาก เจ้าหน้าที่ได้ตรวจสอบบริเวณโดยรอบแล้ว ยังไม่พบตัวผู้กระทำผิด จึงได้แจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนให้ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
เหตุการณ์ที่ 3 เมื่อวันที่ 11 ตุลาคม 2562 เวลาประมาณ 10.30 น. เจ้าหน้าที่ทหาร หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารราบที่ 4 จำนวน 1 ชุดปฏิบัติการ ร่วมกับเจ้าหน้าที่จาก สำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 4 (ตาก) และหน่วยเฉพาะกิจปราบปรามพิเศษ (พยัคฆ์ไพร) ทำการตรวจสอบท่าดูดทรายของเอกชนแห่งหนึ่ง ที่บริเวณบ้านวังแก้ว ตำบลแม่ปะ อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่า ท่าดูดทรายดังกล่าว ได้รับอนุญาตจาก กรมป่าไม้ ให้ประกอบกิจการดูดทรายและกองทราย ในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าแม่ละเมา บนพื้นที่ประมาณ 4 ไร่ แต่จากการตรวจสอบพิกัดและร่องรอยการใช้พื้นที่พบว่า มีการล้อมรั้วและปลูกสร้างอาคารในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าแม่ละเมาและเขตป่าไม้ถาวรป่าแม่สอด
อันเป็นการเข้าทำประโยชน์บนพื้นที่เพิ่มขึ้นอีกประมาณ 6 ไร่ ที่เกินกว่าพื้นที่ได้รับอนุญาต เจ้าหน้าที่จึงทำการตรวจยึดและแจ้งความร้องทุกข์ดำเนินคดีในพื้นที่ส่วนที่เกินจากการขออนุญาต พร้อมประสานงานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาเพิกถอนการอนุญาตต่อไป
เหตุการณ์ที่ 4 เมื่อวันที่ 16 ตุลาคม 2562 เจ้าหน้าที่ทหารจาก กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในจังหวัดลำพูน ร่วมกับเจ้าหน้าที่จาก หน่วยป้องกันและพัฒนาป่าไม้ลี้ , สวนป่าแม่ลี้ และสวนป่าแม่หาด-แม่ก้อ, เจ้าหน้าที่ตำรวจกับฝ่ายปกครองอำเภอลี้ และคณะกรรมการหมู่บ้านตำบลป่าไผ่ อำเภอลี้ จังหวัดลำพูน รวมกำลังปฏิบัติงาน โดยจัดแบ่งกำลังเป็น 2 ชุด เข้าดำเนินการกับ 2 พื้นที่เป้าหมาย ดังนี้
1. รื้อถอนตัดโค่นต้นมะม่วง จำนวน 518 ต้น บนเนื้อที่ประมาณ 16 ไร่ ในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าแม่ลี้ ที่บริเวณป่าดอยกิ่วต่ำ บ้านผาหนาม ตำบลป่าไผ่ อำเภอลี้ ซึ่งพื้นที่ดังกล่าวได้ทำการตรวจยึดและดำเนินคดีไว้เมื่อวันที่ 9 มกราคม 2561 2. รื้อถอนตัดโค่นต้นยางพารา จำนวน 250 ต้น บนเนื้อที่ประมาณ 18 ไร่ ในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าแม่ลี้ ที่บริเวณป่าดอยกิ่วต่ำ บ้านผาหนาม ตำบลป่าไผ่ อำเภอลี้ ซึ่งพื้นที่ดังกล่าวได้ทำการตรวจยึดและดำเนินคดีไว้เมื่อวันที่ 9 มกราคม 2561
เรื่องสุดท้ายของการแถลงข่าวเรื่องเรื่องที่ 5. การสนับสนุนเฮลิคอปเตอร์ กองทัพภาคที่ 3 ได้จัดเฮลิคอปเตอร์ แบบ Bell-212 จำนวน 1 เครื่อง จากชุดปฏิบัติการบิน หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารราบที่ 17 กองกำลังนเรศวร ร่วมกับคณะแพทย์ของโรงพยาบาลศรีสังวาลย์ จังหวัดแม่ฮ่องสอน ทำการบินเคลื่อนย้ายผู้ป่วยฉุกเฉิน เมื่อวันที่ 15 ตุลาคม 2562 ที่ผ่านมา

ร่วมแสดงความคิดเห็น