แพทย์หญิงพรรณพิมล วิปุลากร อธิบดีกรมอนามัย เปิดเผยว่า องค์การอนามัยโลกได้กำหนดให้วันที่ 18 ตุลาคม ของทุกปี เป็นวันสตรีวัยทองโลก (World Menopause Day) เพื่อรณรงค์ให้สตรีที่อยู่ในวัยทองมีความรู้ความเข้าใจถึงความเสี่ยงด้านสุขภาพที่จะเกิดขึ้นหลังหมดประจำเดือน สตรีในช่วงอายุ 45-55 ปี เมื่อเข้าสู่วัยทองจะพบการเปลี่ยนแปลงต่ออวัยวะต่าง ๆ
โดยเฉพาะการทำงานของรังไข่ลดลงอย่างมาก ส่งผลให้เกิดปัญหาสุขภาพตามมา คือ 1) อาการวัยทอง หรืออาการที่สัมพันธ์กับภาวะหมดประจำเดือน จะมีอาการร้อนวูบวาบตามตัวและหน้าอก อารมณ์แปรปรวน หงุดหงิด เหงื่อออกมาก โดยเฉพาะเวลากลางคืน ช่องคลอดแห้ง ผิวหนังแห้ง ปัสสาวะบ่อยหรือกลั้นปัสสาวะไม่อยู่ นอนไม่หลับ ความต้องการและความรู้สึกทางเพศลดลง 2) โรคที่เกิดจากความเสื่อมถอยของร่างกายตามอายุ ได้แก่ โรคหัวใจและหลอดเลือด ภาวะอ้วนลงพุง ความดันโลหิตสูง ไขมันในเลือดสูง ภาวะดื้อต่ออินซูลิน และโรคระบบกล้ามเนื้อและกระดูก เป็นต้น
กระทรวงสาธารณสุขจึงให้โรงพยาบาลในสังกัดทุกแห่ง จัดตั้งเป็นคลินิกวัยทอง โดยเฉพาะหรือบูรณาการเข้ากับคลินิกส่งเสริมสุขภาพอื่น ๆ โดยจะมีบริการให้การปรึกษากับผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับอาการวัยทองและให้บริการตรวจร่างกายทั่วไป เช่น ชั่งน้ำหนัก วัดส่วนสูง วัดความดันโลหิต ตรวจน้ำตาลในเลือด ตรวจความหนาแน่นของกระดูก ตรวจมะเร็งปากมดลูก มะเร็งเต้านม และประเมินอาการวัยทอง
หากพบว่าสตรีวัยทองท่านใด มีอาการมากจนเป็นปัญหาต่อการดำเนินชีวิต แพทย์อาจพิจารณาให้ฮอร์โมนในระยะสั้น ๆ เพื่อการรักษา หากสตรีท่านใดสงสัยว่า มีอาการวัยทองหรือปัญหาสุขภาพ สามารถขอคำปรึกษาได้ที่สถานพยาบาลใกล้บ้าน
ที่มา : กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข
ร่วมแสดงความคิดเห็น