Skip to content
คณะรัฐมนตรีอนุมัติงบกว่า 2.4 หมื่นล้านบาท ประกันรายได้เกษตรกรชาวสวนยาง พร้อมทั้งขยายเวลาสินเชื่อผู้ประกอบกิจการยาง
เมื่อวันที่ 15 ตุลาคมที่ผ่านมา คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการโครงการประกันรายได้เกษตรกรชาวสวนยาง ระยะที่ 1 วงเงินกว่า 24,278 ล้านบาท โดยให้ใช้เงินทุนธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร หรือ ธ.ก.ส. สำรองจ่ายแทนรัฐบาลไปก่อน และให้ ธ.ก.ส. เสนอขอรับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2564 และปีถัดๆ ไปตามความจำเป็นและเหมาะสมตามขั้นตอนต่อไป
โครงการประกันรายได้เกษตรกรชาวสวนยางระยะที่ 1 กำหนดระยะเวลาประกันไว้ที่ 6 เดือน เริ่มตั้งแต่ตุลาคม 2562 ถึงเดือนมีนาคม 2563 โดยประกันราคายาง 3 ประเภทคือ ยางแผ่นดิบคุณภาพดี ราคา 60 บาทต่อกิโลกรัม น้ำยางสด DRC 100% ราคา 57 บาทต่อกิโลกรัม และยางก้อนถ้วย DRC 100% ราคา 23 บาทต่อกิโลกรัม ทั้งนี้ กำหนดปริมาณผลผลิตยางที่จะประกันรายได้ไว้ที่ 240 กิโลกรัมต่อไร่ต่อปี หรือ 20 กิโลกรัมต่อไร่ต่อเดือน นอกจากนี้ คณะรัฐมนตรียังมีมติเห็นชอบให้ขยายระยะเวลาดำเนินการ โครงการสนับสนุนสินเชื่อเป็นเงินทุนหมุนเวียนแก่ผู้ประกอบกิจการยาง (ยางแห้ง) ในวงเงินสินเชื่อ 20,000 ล้านบาท ระหว่างเดือนตุลาคม 2562 – กันยายน 2563
สาเหตุที่ราคายางพาราตกต่ำ เนื่องมาจากประเทศไทยเป็น 1 ใน 3 ประเทศที่ส่งออกยางมากที่สุดในโลก เคยผลิตยางได้ประมาณ 1,500,000 ตันต่อปี และส่งออกกว่าร้อยละ 90 ส่วนใหญ่ปลูกในภาคใต้ เมื่อครั้งที่เศรษฐกิจโลกเติบโต ราคายางเพิ่มขึ้น เกษตรกรจำนวนมากหันมาลงทุนปลูกยางกันเกือบทั่วประเทศ ผลผลิตจึงล้นตลาด ประกอบกับต้นทุนการผลิตยางมีแนวโน้มสูงขึ้น โดยเฉพาะต้นทุนในด้านปุ๋ยเคมีและเคมีภัณฑ์ทางการเกษตร โดยต้นทุนเฉลี่ยในการผลิตยางในไทยอยู่ที่กิโลกรัมละ 52 บาท ซึ่งนับว่าอยู่ในเกณฑ์ที่สูงเมื่อเทียบกับประเทศคู่แข่ง ทำให้ประเทศคู่ค้าของไทยหันไปซื้อยางแท่งจากประเทศอื่นแทน
ทั้งนี้ราคายางในตลาดล่วงหน้าโตเกียว (TOCOM) และตลาดล่วงหน้าสิงคโปร์ (SICOM) อยู่ในช่วงขาลง เนื่องจากนักลงทุนมีความกังวลกับปัญหาผลผลิตส่วนเกิน และสต็อกยางที่อยู่ในระดับสูง ขณะที่ความต้องการใช้ยางอยู่ในช่วงชะลอตัว และยังไม่มีปัจจัยบวกต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกมากนัก ทำให้คาดการณ์ราคายางอนาคตอาจจะมีการปรับตัวลดลงอีก โดยประชาชนสามารถตรวจสอบราคายางรายวันของตลาดกลางยางพาราในประเทศไทย ได้ที่ http://www.raot.co.th/main.php?filename=central_market
ขอบคุณ สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงใหม่
สาเหตุที่ราคายางพาราตกต่ำ เนื่องมาจากประเทศไทยเป็น 1 ใน 3 ประเทศที่ส่งออกยางมากที่สุดในโลก เคยผลิตยางได้ประมาณ 1,500,000 ตันต่อปี และส่งออกกว่าร้อยละ 90 ส่วนใหญ่ปลูกในภาคใต้ เมื่อครั้งที่เศรษฐกิจโลกเติบโต ราคายางเพิ่มขึ้น เกษตรกรจำนวนมากหันมาลงทุนปลูกยางกันเกือบทั่วประเทศ ผลผลิตจึงล้นตลาด ประกอบกับต้นทุนการผลิตยางมีแนวโน้มสูงขึ้น โดยเฉพาะต้นทุนในด้านปุ๋ยเคมีและเคมีภัณฑ์ทางการเกษตร โดยต้นทุนเฉลี่ยในการผลิตยางในไทยอยู่ที่กิโลกรัมละ 52 บาท ซึ่งนับว่าอยู่ในเกณฑ์ที่สูงเมื่อเทียบกับประเทศคู่แข่ง ทำให้ประเทศคู่ค้าของไทยหันไปซื้อยางแท่งจากประเทศอื่นแทน
ร่วมแสดงความคิดเห็น