เรื่องเล่าจาก “ลูกชาย” ที่ได้รับการเลี้ยงดูจาก พ่อแท้ ๆ ที่ป่วยเป็น “โรคดาวน์ซินโดรม”

วันนี้ เชียงใหม่นิวส์ เรามีเรื่องราวดี ๆ ของความรักระหว่างครอบครัวมาฝากค่ะ แต่ครอบครัวนี้ มีความแตกต่างจากครอบครัวอื่นตรงที่ มีสมาชิกในครอบครัวเป็น “โรคดาวน์ซินโดรม” และคน ๆ นั้นคือ “พ่อ” ที่เลี้ยงดูลูกชายคนหนึ่งจนเติบโต

Sadar Issa หนุ่มชาวซีเรียวัย 21 ปี บอกเล่าประสบการณ์ที่ถูกเลี้ยงดูโดย “พ่อแท้ ๆ ที่ป่วยเป็นโรคดาวน์ซินโดรม” ชื่อว่า Jad Issa โดยเขาเล่าว่า พ่อของเขานั้นพยายามทุกวิถีทาง เพื่อทำให้ลูกชายเติบโตขึ้นมาเหมือนกับเด็กทั่ว ๆ ไป ซึ่งนั่นหมายความว่าเขาจะต้องพยายามมากกว่าคุณพ่อคนอื่น ๆ ในหลาย ๆ เรื่อง และความพยายามของผู้เป็นพ่อนั้น ก็ทำให้ความสัมพันธ์ของทั้งครอบครัว เป็นไปได้ด้วยดี เขาและลูกชายไม่เคยรู้สึกห่างเหินกันเลยแม้แต่น้อย

“ตลอดระยะเวลากว่า 20 ปีที่ผ่านมา ผมได้รับทั้งความรัก ความสนุกสนาน ได้รู้จักความเรียบง่าย การถ่อมตัว และสามารถจัดการกับความรู้สึกในตอนที่เกิดความขัดแย้ง”
Sadar รู้สึกมาตลอดว่าการที่พ่อป่วยเป็นดาวน์ซินโดรมนั้น มันทำให้เขาแสดงออกมาอย่างใสซื่อมากกว่าคนอื่น ๆ และการแสดงออกเหล่านั้นเอง ที่ทำให้เขาในวัยเด็กสัมผัสได้ถึงความรักอันแสนอ่อนโยน Sadar เล่าว่าตั้งแต่เขาจำความได้ ผู้เป็นพ่อนั้นทำงานในโรงสี ซึ่งเป็นที่ที่ตั้งอยู่ใกล้บ้านและเขาก็มักจะคอยตามไปช่วยงานพ่ออยู่บ่อย ๆ

และเมื่อไหร่ที่ไปช่วยงาน พ่อก็มักจะอวดลูกต่อหน้าคนอื่น ๆ ว่า “นี่คือลูกชายของฉันเอง” ในขณะที่เพื่อนร่วมงานของเขาทุกคนก็ให้ความเคารพ และปฏิบัติกับเขาไม่ต่างกับคนอื่น ๆ “เมื่อไหร่ที่ผมเห็นพ่อ ผมจะรู้สึกภูมิใจในตัวเขามากๆ เพราะตลอดชีวิตที่ผ่านมา เขาจะคอยสนับสนุนผมทุกครั้งที่ผมต้องการ” Sadar กล่าว
ปัจจุบัน Sadar คือนักศึกษาชั้นปีที่ 3 คณะทันตแพทยศาสตร์ ซึ่งนั่นก็ทำให้ผู้เป็นพ่อมักจะบอกกับคนอื่น ๆ อยู่ตลอดว่า “ลูกชายของผมเป็นหมอนะ” ด้วยสีหน้าแห่งความภาคภูมิใจ และในสายตาของลูกชาย สีหน้าของผู้เป็นพ่อ ณ เวลานั้นมันก็เหมือนจะสื่อออกมาเป็นคำพูดประมาณว่า “อย่างที่ทุกคนเห็น ผมเป็นดาวน์ซินโดรม แต่ผมก็สามารถเลี้ยงลูกชายคนนี้ด้วยทุกสิ่งทุกอย่างที่ผมมี ทำให้เขาสามารถกลายเป็นหมอที่ช่วยเหลือผู้อื่น”

ความใสซื่อและความรัก ที่พ่อของเขาแสดงออกมาให้เห็นอยู่ตลอด ทำให้ Sadar ไม่เคยน้อยใจเลยที่ได้เกิดมาเป็นลูกของเขา แต่ยิ่งกลับทำให้เขารู้สึกมีความสุขเสียอีก “สำหรับผมแล้ว ถ้าผมเลือกได้ว่าจะเกิดเป็นลูกใคร ผมก็จะยังคงเลือกเกิดมาเป็นลูกของพ่อ และรู้สึกภาคภูมิใจในตัวเขาพอ ๆ กับที่พ่อรู้สึกภูมิใจในตัวผมเลย”


ที่มา : thesun, thatslife, catdumb

ร่วมแสดงความคิดเห็น