5 สัตว์ร้ายที่อาจเป็นอันตรายต่อรถยนต์ของคุณ

ในทุกวันนี้มีสิ่งต่าง ๆ อยู่มากมาย ที่อาจจะทำอันตรายต่อรถของท่านได้ ไม่ว่าจะเป็นขโมย สภาพแวดล้อม และสิ่งต่าง ๆ แต่ในวันนี้ สิ่งที่เราจะมานำเสนอนั้น จะเป็น 5 สัตว์ ร้ายที่สามารถทำอันตรายกับรถของคุณได้ ซึ่ง 5 สัตว์ ร้ายนั้นก็มีดังนี้
1.แมว สัตว์อีกหนึ่งชนิดที่ใกล้ชิดกับมนุษย์ไม่แพ้สุนัข โดยปัญหาที่แมวสร้างความเสียให้กับรถได้บ่อยๆ คือการฝนเล็บบนสีรถ หรือกระโดดเหยียบย่ำไปมาบนหลังคาบ้าง ฝากระโปรงบ้าง บางครั้งก็ยกโขยงไล่ฟัดกันก็มี และสิ่งที่ตามมาคือริ้วรอยบนรถนั่นเอง วิธีป้องกันง่ายๆ ตามสไตล์ของภูมิปัญญาชาวบ้านก็คือการนำมะกรูด มาผ่าซีกหรือจะปลอกเปลือกแล้วใส่ตะกร้าหรือภาชนะเล็กๆ วางไว้บนหลังคารถหรือจุดที่แมวชอบขึ้นไปนอน ซึ่งวิธีการดังกล่าวก็มีหลายคนเผยว่าลองนำไปใช้แล้วก็ได้ผลค่อนข้างดี
2.นก ผลกระทบที่ผู้ใช้รถต้องเจอคือ ‘ขี้นก’ ซึ่งหลีกเลี่ยงค่อนข้างยากเพราะมาบินไปบินมาได้เกือบในทุกที่ โดยขี้นกมีฤทธิ์เป็นกรดถ้าปล่อยทิ้งไว้นานๆ ไม่ขจัดออกเนิ่นๆ รับรองมันจะกัดผิวหรือสีรถให้เป็นจุดๆ ด่างๆ แนวทางเบื้องต้นที่พอทำได้ง่ายๆ นั่นก็คือการ ‘เคลือบแก้ว’ ซึ่งสามารถชะลอการเกิดความเสียหายได้ แต่ก็ไม่ใช่เคลือบแล้วเมื่อเจอขี้นกจะปล่อยเอาไว้ได้เลย ยังไงก็ควรให้รีบใช้น้ำสะอาดราดหรือฉีดล้างออก และมันดีกว่าก็ตรงที่การล้างนั้นจะทำได้ง่ายขึ้นกว่าเดิม เพราะคราบขี้นกไม่ได้เกาะผิวแน่นเนื่องจากมีชั้นฟิล์มใสเหนือผิวของรถจากการเซ็ตตัวของน้ำยาเคลือบแก้ว ซึ่งมีคุณสมบัติในเรื่องของความแข็งและความลื่น รวมถึงมีประสิทธิภาพในการต่อต้านการยึดเกาะผิวที่ผสมเข้าไป ส่วนเรื่องการทิ้งรอยด่างเป็นคราบบนผิวรถก็จะเกิดได้ยากขึ้นกว่าเดิม แต่ก็อย่าชะล่าใจไปนะครับอย่างที่เกริ่นไปการเคลือบแก้วไม่ได้ป้องกันรอยจุดรอยด่างหรือริ้วรอยขี้นกได้แบบ 100% ทางที่ดีที่สุดคือเมื่อพบเห็นแล้วก็ควรรีบทำความสะอาด
3.มด สาเหตุโดยมากคงไม่พ้นการรับประทานอาหารเช้าหรือขนมคบเขี้ยวบนรถยนต์ส่วนตัวขณะขับรถไปทำงาน เพื่อชดเชยช่วงเวลาที่ต้องเผชิญกับรถติดบนท้องถนน แต่สิ่งที่จะตามมาพร้อมกับการมีอาหารอยู่บนรถคือมด เพราะมดเป็นสัตว์ที่ไวต่อกลิ่นของอาหารมากและมันจะทำงานกันเป็นทีม ซึ่งหมายความว่าบนรถของคุณจะเต็มไปด้วยมด ที่ไม่ใช่เพียงมดตัวเดียวอย่างแน่นอน อย่างไรก็ตามเราสามารถกำจัดมดบนรถได้ด้วยวิธีการง่ายๆ ดังนี้ วิธีกำจัดมดในรถอย่างถูกวิธีและได้ผล คือต้องดูแลความสะอาดให้รถของเราปราศจากเศษอาหารที่ตกตามพื้นในรถยนต์ รวมถึงไม่วางภาชนะที่มีอาหารหรือคราบเศษอาหารอยู่ทิ้งไว้บนรถ เพราะนั่นจะเป็นแหล่งอาหารที่ดึงดูดเหล่าบรรดามดให้มารวมกลุ่มหาอาหาร ให้นำรถจอดทิ้งไว้กลางแดดพร้อมกับเปิดประตูออกทุกบาน ทิ้งไว้เป็นเวลา 2-3 ชั่วโมง ความร้อนจะทำให้มดอพยพย้ายออกมาจากรถของเราเอง

4.แมลงสาบ เรียกว่าเป็นสัตว์ตัวเล็กที่ทำเอาคนส่วนใหญ่ต้องแขยงจนร้องยี้ทุกครั้งที่พบเจอ แล้วยิ่งต้องมาพบเจอในพื้นที่แคบๆ ขยับหนีไปไหนไม่ได้อย่างในรถนี่ไม่ต้องพูดถึงเลย อีกทั้งมันเสี่ยงมากต่อการทำให้เกิดอุบัติเหตุ หากมันไต่ขึ้นแขนขึ้นขาขณะที่คุณกำลังขับรถอยู่ ก็อาจทำให้ตกใจหลับตาปล่อยพวงมาลัยได้ วิธีป้องกันคือหลีกเลี่ยงการนำอาหารขึ้นไปกินบนรถ เพราะแมลงสาบกับอาหารเป็นของคู่กัน การทิ้งเศษอาหารหรือภาชนะใส่อาหารไว้บนรถจำนวนมาก จะส่งกลิ่นให้แมลงสาบแวะมาเยี่ยมเยียนในรถได้แล้ว แต่ถ้าต้องกินอาหารบนรถ โดยเฉพาะรถคันที่มีเด็กนั่งด้วยก็ควรต้องทำความสะอาดอย่างละเอียดทุกครั้ง รวมถึงแมลงสาบยังชื่นชอบสิ่งแวดล้อมที่ชื้น ดังนั้นเมื่อทำอาหารหกหรือหล่นในรถขอให้รีบเช็ดทำความสะอาดทันที เพราะการทำความสะอาดรถเป็นประจำคือวิธีหนึ่งที่ป้องกันไม่ให้แมลงสาบมาอาศัยอยู่ภายในรถ โดยเฉพาะบริเวณพรม, ช่องว่างระหว่างเบาะที่นั่ง, และช่องวางของข้างประตู รวมทั้งหลีกเลี่ยงการจอดรถใกล้กับถังขยะหรือฝาท่อน้ำทิ้ง
5.งู ส่วนมากจะพบเจอในช่วงหน้าฝน และมักเข้าไปอาศัยซุกตัวอยู่ในห้องเครื่อง ซึ่งเมื่อเราสตาร์ทเครื่องยนต์ก็อาจจะสร้างความเสียหายต่อชิ้นส่วนรถยนต์ได้ หากว่าเป็นงูตัวใหญ่ๆ ไปนอนขดที่ใบพัดหม้อน้ำทำให้ใบพัดหม้อแตกเสียหาย วิธีเบื้องต้นที่สามารถพอป้องกันได้ เพราะงูก็ไม่ชื่นชอบกลิ่นฉุนๆ ยกตัวอย่าง น้ำมันเครื่องเก่า โดยใช้ผ้ามาชุบกับน้ำมันเครื่องเก่าให้ชุ่ม จากนั้นก็ให้นำไปวางตามจุดต่างๆ ในโรงจอดรถ อีกวิธีคือใช้กำมะถันไล่งู เพราะงูไม่ชอบกลิ่นของกำมะถันเอามากๆ ดังนั้นเราจึงจะใช้สิ่งนี้ในการป้องกันงูเข้ามาใกล้รถเรา โดยให้เรานำผงกำมะถันมาผสมกับน้ำหรือยาเส้นก็ได้ แล้วนำไปเทราดไว้รอบๆ บริเวณที่จอดรถของเรา หรือเทตามขอบบริเวณโรงจอดรถก็ได้ เพียงเท่านี้ก็สามารถป้องกันไม่งูเข้ามาอยู่ในรถเราได้ครับ ที่สำคัญหากพบงูอยู่ในห้องเครื่องหรือในตัวรถ อย่าจับเองเป็นอันขาด เพราะเราไม่ทราบว่าเป็นงูมีพิษหรือไม่ แม้กระทั่งงูไม่มีพิษก็สามารถกัดเราจนทำให้เกิดอันตรายเสียเลือดมากได้เช่นกัน ดังนั้นเมื่อพบงูควรโทรฯเบอร์ 199 สายด่วนกู้ภัย ให้เขามาจัดการให้จะดีกว่า อีกทั้งยังเป็นการนำงูไปคืนสู่ธรรมชาติอีกด้วย

ร่วมแสดงความคิดเห็น