5 พ.ย. วันสุดท้าย ปฏิบัติการฝนหลวง ของพื้นที่ภาคเหนือ ปี 2562

ตามที่ศูนย์ปฏิบัติการฝนหลวงภาคเหนือ ได้จัดตั้งหน่วยปฏิบัติการฝนหลวงภาคเหนือ จำนวน 3 หน่วย ได้แก่ หน่วยปฏิบัติการฝนหลวงจังหวัดเชียงใหม่ พิษณุโลก และ ตาก เพื่อปฏิบัติการฝนหลวงแก้ไขและบรรเทาปัญหาภัยพิบัติในพื้นที่ภาคเหนือ โดยได้จัดตั้งหน่วยปฏิบัติการฝนหลวงเคลื่อนที่เร็ว ระหว่างวันที่ 10-28 กุมภาพันธ์ 2562 และเปิดการปฏิบัติการฝนหลวง ประจำปี 2562 ตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม 2562 ได้ปฏิบัติตามแผนที่วางไว้ จำนวน 4 แผน คือ
1. แผนบรรเทาปัญหาหมอกควันและไฟป่า (พื้นที่ดำเนินการแก้ไขปัญหาหมอกควันและไฟป่าได้ 9 จังหวัด)
2. แผนยับยั้งการเกิดพายุลูกเห็บ (พื้นที่ดำเนินการบรรเทาความรุนแรง ของพายุลูกเห็บได้ 10 จังหวัดของภาคเหนือ และบางส่วนของภาคกลาง และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ)
3. แผนการป้องกันและแก้ไขปัญหาภัยแล้ง (พื้นที่ดำเนินการช่วยเหลือพื้นที่เกษตรกรรมได้ 69.8 ล้านไร่ ใน 14 จังหวัด)
4. แผนการเติมน้ำต้นทุนให้เขื่อนกักเก็บน้ำ (สามารถเพิ่มปริมาณน้ำไหล เข้าสะสมแก่เขื่อนขนาดใหญ่และขนาดกลางได้กว่า 2,058 ล้าน ลบ.ม.)
จากการติดตามสภาพอากาศ ในช่วงเดือนพฤศจิกายน 2562 เป็นช่วงที่เข้าสู่ฤดูหนาวแล้ว ทำให้มีอากาศเย็นและแห้ง ความชื้นสัมพัทธ์ระดับบน ลดลงต่ำกว่า 60% มีลมกำลังแรง ส่งผลให้เมฆก่อตัวได้ยากขึ้น สภาพอากาศไม่เข้าเงื่อนไขที่จะปฏิบัติการฝนหลวงได้ รวมถึงการเพาะปลูกมีพื้นที่ ที่อยู่ระหว่างการเก็บเกี่ยวผลผลิตทางการเกษตรเพิ่มมากขึ้น รวมถึงกรมฝนหลวงฯ ได้กำหนดแผนซ่อมบำรุงอากาศยานประจำปี โดยนำเครื่องบินเข้าซ่อมใหญ่ หลังจากการใช้งานมาตลอด 8 เดือน อีกทั้งนักบินต้องฝึกบินทบทวนกรณีเกิดเหตุฉุกเฉิน ควบคู่กับแผนการฝึกบินปฏิบัติการฝนหลวง ให้แก่นักบินใหม่ด้วย
ศูนย์ปฏิบัติการฝนหลวงภาคเหนือ จึงปิดหน่วยปฏิบัติการทั้งหมด ตั้งแต่วันที่ 5 พฤศจิกายน 2562 เป็นต้นไป
อย่างไรก็ตาม กรมฝนหลวงและการบินเกษตร ได้จัดตั้งหน่วยปฏิบัติการฝนหลวงเคลื่อนที่เร็วขึ้น จำนวน 3 ชุด ที่สนามบินนครสวรรค์ ระหว่างวันที่ 6 พฤศจิกายน 2562 – วันที่ 29 กุมภาพันธ์ 2563 เพื่อเตรียมพร้อมในการช่วยเหลือพื้นที่การเกษตรที่ประสบภัยแล้ง สร้างความชุ่มชื้นให้กับป่าไม้ และเพิ่มปริมาณน้ำให้กับเขื่อน/อ่างเก็บน้ำที่มีปริมาณน้ำใช้การได้อยู่ในเกณฑ์น้อย โดยใช้เครื่องบินชนิด CN จำนวน 1 ลำ Casa จำนวน 2 ลำ และ Caravan จำนวน 3 ลำ ในการปฏิบัติการ
ทั้งนี้ สามารถแจ้งข้อมูลสถานการณ์ ความต้องการฝนในพื้นที่โดยตรง ทางโทรศัพท์หมายเลข 0-5327-5051 ต่อ 12 และสามารถติดตามข้อมูลข่าวสารได้ ทางเว็บไซต์ www.royalrain.go.th และ Facebook กรมฝนหลวงและการบินเกษตร หรือทาง Facebook ศูนย์ปฏิบัติการฝนหลวงภาคเหนือ

ร่วมแสดงความคิดเห็น