ทีมนักปั่นไทยทำผลงานได้สุดยอด!! ผงาดคว้าทอง “ไทม์ไทรอัลทีมชาย” “เสธ.หมึก” อัดฉีดเพิ่มคนละ 1 แสน

4 นักปั่นไทย “สราวุฒิ-นวุติ-พีรพล-ธุรกิจ” โชว์ผลงานสุดยอด ผงาดคว้าเหรียญทอง “ไทม์ไทรอัลทีมชาย” ในศึกซีเกมส์ ครั้งที่ 30 มาครองอย่างงดงาม “โค้ชวิสุทธ์” เผยวางแผนเด็ดใช้ล้อซี่ลวดแทนล้อดิสต์ สร้างความงุนงงแก่ทุกทีม แต่สุดท้ายโดนทีมไทยน็อกจนหงายท้อง ซิวเหรียญทองแห่งศักดิ์ศรีมาได้สำเร็จ พร้อมขอบคุณ “พลเอกเดชา” นายกสมาคมกีฬาจักรยานฯ ที่ดูแลนักกีฬาและสตาฟฟ์โค้ชอย่างใกล้ชิด อีกทั้งยังวางแผนส่งนักปั่นมาฝึกซ้อมล่วงหน้าจนเก็บข้อมูลได้อย่างทะลุปรุโปร่ง ขณะที่นักกีฬาฝากกราบขอบพระคุณพ่อแม่พี่น้องชาวไทยที่ส่งใจมาเชียร์ และขอยกเหรียญทองนี้ให้เป็นของขวัญปีใหม่แก่ชาวไทยทุกคน ด้าน “เสธ.หมึก” ชี้จักรยานทำได้ 2 เหรียญทองตามเป้าหมายสำเร็จแล้ว โดยประกาศอัดฉีดเพิ่มให้ 4 นักปั่นอีกคนละ 1 แสนบาท

การแข่งขันจักรยาน ในกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 30 ที่ประเทศฟิลิปปินส์ เมื่อวันที่ 7 ธ.ค. มีชิงชัยกัน 1 เหรียญทอง จากจักรยานถนน ประเภทไทม์ไทรอัลทีมชาย ระยะทาง 82.4 กม. ซึ่งทีมไทยส่งนักกีฬา 4 คนลงแข่งขัน ประกอบด้วย ร้อยตำรวจโท ธุรกิจ บุญรัตนธนากร, สิบตรี สราวุฒิ สิริรณชัย, สิบตำรวจตรี นวุติ ลี้พงษ์อยู่, จ่าอากาศเอก พีรพล ชาวเชียงขวาง โดยมี “เสธ.หมึก” พลเอกเดชา เหมกระศรี นายกสมาคมกีฬาจักรยานแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ เดินทางมาให้กำลังใจนักกีฬาไทยถึงขอบสนามเป็นประจำทุกวัน

สำหรับการแข่งขันรายการนี้ มีนักกีฬา 5 ทีมเข้าแข่งขัน กรรมการจะปล่อยตัวนักกีฬาแต่ละทีมห่างกันทีมละ 3 นาที โดยทีมไทยถูกปล่อยตัวเป็นลำดับที่ 4 ในเวลา 09.09 น. ซึ่งถือเป็นฤกษ์ดีสำหรับคนไทย โดยลำดับที่ 1 เป็นอินโดนีเซีย ต่อด้วย “เจ้าภาพ” ฟิลิปปินส์, เวียดนาม และมาเลเซีย เป็นทีมปิดท้าย เส้นทางการแข่งขันช่วง 50 กม. แรก เป็นทางราบ ส่วนที่เหลืออีกประมาณ 30 กม.เศษ เป็นทางขึ้นภูเขา สลับกับเนินสูง-ต่ำตลอดจนถึงเส้นชัย ขณะที่วิธีการจับเวลาการแข่งขันประเภททีมไทม์ไทรอัล จะยึดเอาเวลาคนที่เข้าเส้นชัยเป็นอันดับที่ 3 ของทีม มาเป็นเวลาตัดสิน

เกมการปั่นในช่วงแรก ทีมไทย ตามหลังอินโดนีเซีย ที่นำเป็นจ่าฝูงเกือบ 2 นาที แต่พอช่วงขึ้นภูเขา ทีมไทยเริ่มทำเวลาดีขึ้นเรื่อย ๆ และมาแซงทีมเวียดนามที่ปล่อยตัวออกมาก่อนถึง 3 นาที ผลปรากฏว่า เมื่อเข้าเส้นชัยทีมไทยทำเวลาดีที่สุด 1 ชั่วโมง 59.39.792 นาที ความเร็วเฉลี่ย 41.32 กม./ชม. ผงาดคว้าเหรียญทองไปครองอย่างงดงาม, เหรียญเงิน อินโดนีเซีย เวลา 1 ชั่วโมง 59.43.926 นาที ความเร็วเฉลี่ย 41.29 กม./ชม., เหรียญทองแดง ฟิลิปปินส์ เวลา 2 ชั่วโมง 01.38.099 นาที ความเร็วเฉลี่ย 40.65 กม./ชม. ซึ่งทีมไทยเฉือนชนะทีมอินโดนีเซีย แค่ 4.134 วินาทีเท่านั้น เรียกว่าฉิวเฉียดมาก แต่ชนะฟิลิปปินส์ ขาดลอยถึง 1.58.307 นาที

หลังการแข่งขัน นักปั่นทีมชาติไทยทั้ง 4 คน ร่วมกันให้สัมภาษณ์ว่า ขอขอบคุณพ่อแม่พี่น้องชาวไทยที่ช่วยกันส่งแรงใจมาเชียร์พวกเรา ขอบคุณท่านนายกฯ พลเอกเดชา เหมกระศรี ที่มาคอยดูแลพวกเราอย่างใกล้ชิดมาโดยตลอด หากไม่มีท่านนายกฯ พวกเราก็คงไม่มีวันนี้ ขอบคุณสมาคมกีฬาจักรยานฯ รวมทั้งสตาฟฟ์โค้ชและเจ้าหน้าที่ทุกคน ครั้งนี้พวกเราขี่ได้ตามแผนที่โค้ชวางเอาไว้ ไม่กดดันตัวเอง พวกเราอดทนฝึกซ้อมกันมาอย่างเหน็ดเหนื่อย อยู่ในระเบียบวินัยมาตลอด บางครั้งอยากรับประทานอาหารตามใจตัวเองก็ทำไม่ได้ เหรียญทองที่ได้มานี้จึงเป็นเหรียญที่มีค่าสำหรับพวกเรามาก และขอมอบให้เป็นของขวัญปีใหม่ให้กับคนไทยทุกคน

ด้าน “โค้ชตั้ม” พันจ่าอากาศเอก วิสุทธิ์ กสิยะพัท หัวหน้าผู้ฝึกสอนจักรยานถนนทีมชาติไทย เปิดเผยว่า วันนี้สตาฟฟ์โค้ชไทย รวมทั้งโค้ชลี เสี่ยว เล่อ ผู้ฝึกสอนชาวจีน ได้วางแผนทีเด็ดเอาไว้ว่า จะไม่เร่งแข่งในช่วงทางราบ จึงให้นักกีฬาขี่รถจักรยานด้วยการใช้ล้อหลังเป็นล้อซี่ลวด ขณะที่ทุกทีมใช้ล้อดิสต์กันทั้งหมด ข้อดีของล้อซี่ลวดคือน้ำหนักเบา แต่การทำความเร็วในทางราบจะสู้ล้อดิสต์ไม่ได้ ส่วนล้อดิสต์แม้จะทำความเร็วได้ดีแต่น้ำหนักเยอะกว่าล้อซี่ลวดถึง 700 กรัม เวลาปั่นขึ้นภูเขาต้องใช้แรงมากกว่า ก่อนแข่งทุกทีมมาถามเราว่าทำไมทีมไทยใช้ล้อซี่ลวด ตนก็บอกไปว่าจะเอามาใช้ฆ่าทีมพวกคุณตอนขึ้นภูเขา
“โค้ชตั้ม” กล่าวว่า ในช่วง 50 กม. แรก ทีมไทยทำเวลาตามหลังทุกทีม ขณะที่ทีมอินโดนีเซีย ซึ่งเป็นผู้นำ ทำเวลานำห่างเราถึง 1.40 นาที แต่เราไม่เร่งตาม เดี๋ยวเด็กจะหมดแรงเสียก่อน สตาฟฟ์โค้ชที่ประจำจุดก็ไม่ได้บอกให้นักกีฬาทราบ เพราะเกรงว่าจะสร้างความกดดัน แต่พอช่วงขึ้นภูเขา 30 กม.สุดท้าย ทีมไทยเริ่มทำเวลาไล่ตีตื้นขึ้นมาได้กิโลเมตรละ 7 วินาที โดยวางแผนให้ นวุติ, สราวุฒิ, พีรพล ขี่นำไปก่อน แล้วเก็บธุรกิจเอาไว้คนสุดท้าย ต้องยอมรับว่าทีมไทยมาเฉือนชนะได้ในช่วง 13 กม.ก่อนเข้าเส้นชัย ด้วยการให้ ธุรกิจ มาเป็นตัวขี่ลากเพื่อน ๆ จนทีมไทยทำเวลาไล่มาเหลืออีก 10 วินาที กระทั่งท่านพลเอกเดชา ได้โทรศัพท์มาบอกว่าจะมีเงินอัดฉีดพิเศษให้อีกคนละ 1 แสนบาท ยิ่งทำให้นักกีฬามีกำลังใจฮึดสู้ และมาเร่งแซงชนะได้ในช่วงนี้จริง ๆ หลังจากสตาฟ์โค้ชทราบว่าอินโดนีเซียเข้าเส้นชัยห่างเรา 8 นาทีเศษ แต่เขาปล่อยตัวก่อนเรา 9 นาที ก็รู้แล้วว่าเรามีโอกาสได้เหรียญทองแน่นอน
“ต้องกราบขอบพระคุณท่านนายกสมาคมฯ พลเอกเดชา ที่มาคอยดูแลพวกเราอย่างใกล้ชิด ซึ่งไม่มีนายกสมาคมฯ ของประเทศอื่น ๆ ทำได้แบบนี้แน่ และสิ่งสำคัญท่านได้วางแผนให้ทีมไทยมาสำรวจสนามล่วงหน้า เราจึงมีข้อมูลเส้นทางการแข่งขัน รวมทั้งมีโอกาสทดสอบการปั่นระหว่างล้อซี่ลวด กับล้อดิสต์ อย่างไหนจะทำเวลาได้ดีกว่ากัน ต้องชื่นชมโค้ชลี เสี่ยว เล่อ ที่เก็บข้อมูลละเอียดมาก ทีมอื่นหวังจะมาฆ่าทีมไทยด้วยการขี่ทางราบ แต่ทีมไทยกลับฆ่าทีมอื่นในการปั่นขึ้นภูเขา ขอขอบพระคุณแฟน ๆ ชาวไทยที่ส่งใจมาเชียร์พวกเรา ภาพที่เห็นวันนี้เราดีใจ เรามีความสุข แต่เบื้องหลังของความสำเร็จพวกเราเหน็ดเหนื่อยกันมาก ต้องฝึกซ้อมกลางแดด กลางฝน และอากาศที่หนาวเห็บ ล้มลุกคลุกคลานกันมาก็ไม่รู้กี่สิบครั้ง สำหรับเหรียญทองทีมไทม์ไทรอัล ถือว่าเป็นเหรียญที่ใหญ่มากสำหรับกีฬาจักรยาน เป็นเหรียญแห่งศักดิ์ศรีที่จะพิสูจน์ว่า ชาติใดคือเจ้าอาเซียนตัวจริง” โค้ชวิสุทธิ์กล่าว
ขณะที่ “เสธ.หมึก” พลเอกเดชา กล่าวว่า ขอขอบคุณพ่อแม่พี่น้องชาวไทยทุกคนที่ส่งกำลังใจมาเชียร์พวกเรา ขอบคุณสตาฟฟ์โค้ช และนักกีฬาทั้ง 4 คน รวมทั้งคนอื่น ๆ ที่อยู่ในทีมจักรยานไทย ตอนนี้เราได้เหรียญทองที่ 2 ตามเป้าหมายที่ตั้งเอาไว้แล้ว ผลงานโดยรวมเราทำได้ 2 เหรียญทอง 1 เหรียญเงิน 2 เหรียญทองแดง แต่ยังเหลือการแข่งขันให้ลุ้นกันอีกจากจักรยานถนน 2 เหรียญทอง คือ โร้ดเรซทีมชาย และบุคคลชาย กับจักรยานบีเอ็มเอ็กซ์อีก 2 เหรียญทอง คือ บีเอ็มเอ็กซ์ ไทม์ไทรอัล กับ บีเอ็มเอ็กซ์ เรซซิ่ง หากได้เหรียญทองเพิ่มมาอีกก็ถือว่าเป็นกำไร และทำได้เกินเป้าหมาย
พลเอกเดชา กล่าวต่อไปว่า สำหรับเหรียญทองไทม์ไทรอัลทีมชายนี้ กว่าจะได้มาพวกเราได้ทำงานกันหนักมากทั้งก่อนแข่ง และช่วงแข่งขัน สตาฟฟ์โค้ชต้องวางแผนยืนประจำจุดตลอดระยะทาง 82.4 กม. มีการติดต่อส่งข่าวกันทุกระยะ ตนเองก็คอยฟังข่าวและสอบถามทั้งทางโทรศัพท์และทางไลน์ พอรู้ว่าช่วง 13 กม.สุดท้าย เรามีโอกาสชนะแน่ จึงโทรศัพท์ไปยังสตาฟฟ์โค้ชว่าให้บอกนักกีฬาทุกคนว่าหากได้เหรียญทองจะอัดฉีดเพิ่มให้อีกคนละ 1 แสนบาท นักกีฬา 4 คน ก็เป็น 4 แสนบาท ทำให้ทุกคนมีกำลังใจที่จะฮึดสู้ขึ้นมาอย่างสุดกำลัง และประสบความสำเร็จในที่สุด
อนึ่ง ก่อนหน้านี้ พลเอกเดชา ได้กล่าวว่า สมาคมกีฬาจักรยานฯ จะมีเงินอัดฉีดเพิ่มให้นอกเหนือที่ได้รับจากรัฐบาล โดยเหรียญทองรัฐบาลให้ 300,000 บาท สมาคมเพิ่มให้อีก 100,000 บาท รวมเป็น 400,000 บาท, เหรียญเงินรัฐบาลให้ 150,000 บาท สมาคมเพิ่มให้อีก 50,000 บาท รวมเป็น 200,000 บาท และ เหรียญทองแดงรัฐบาลให้ 75,000 บาท สมาคมเพิ่มให้อีก 30,000 บาท รวมเป็น 105,000 บาท แต่สำหรับเหรียญไทม์ไทรอัลทีมชาติ นอกจากนักกีฬาทั้ง 4 คน จะได้รับคนละ 400,000 บาท ตามเงื่อนไขแล้ว สมาคมจะอัดฉีดเพิ่มให้อีกคนละ 100,000 บาท รวมทั้งสิ้นจะได้รับคนละ 500,000 บาท
พลเอกเดชา กล่าวเสริมอีกว่า สำหรับการแข่งขันจักรยานถนน ในวันที่ 8 ธ.ค. มีชิง 2 เหรียญทอง จากประเภทโร้ดเรซบุคคลชาย และทีมชาย โดยแข่งขันในคราวเดียวกันแต่แยกเป็น 2 เหรียญทอง เริ่มเวลา 09.00 น. ซึ่งตรงกับเวลา 08.00 น. ของประเทศไทย ซึ่งทีมไทยส่งนักกีฬาลงชิงชัย 5 คน เป็นนักปั่นชุดเดิมที่ได้เหรียญทองไทม์ไทรอัล ได้แก่ ร้อยตำรวจโท ธุรกิจ บุญรัตนธนากร, สิบตรี สราวุฒิ สิริรณชัย, สิบตำรวจตรี นวุติ ลี้พงษ์อยู่, จ่าอากาศเอก พีรพล ชาวเชียงขวาง และมี “หนุ่มน้อยมหัศจรรย์” นายธนาคาร ไชยาสมบัติ เจ้าของเหรียญเงินไทม์ไทรอัลบุคลชาย เพิ่มมาอีก 1 คน ต้องขอแรงใจจากพี่น้องชาวไทยส่งมาเชียร์ทีมจักรยานกันมาก ๆ เพื่อให้คว้าเหรียญรางวัลกลับไปฝากคนไทยเพิ่มได้อีก

ร่วมแสดงความคิดเห็น