สองสามีภรรยาใจบุญ ไถ่ชีวิตลูกควาย 6 ตัว นำมาเพาะเลี้ยง จนกลายเป็นฟาร์มใหญ่มีกว่า 87 ตัว

เสียงแตรจากรถจักรยานยนต์ที่ลุงปลิว คนเลี้ยงกระบือ หรือควาย กดส่งสัญญาณเรียกควาย 87 ตัว ที่เลี้ยงปล่อยไว้อย่างอิสระ บนพื้นที่กว่า 200 ไร่ ในพื้นที่หมู่ 10 ต.สันทราย อ.พร้าว จ.เชียงใหม่ ให้มากินหญ้าแห้งที่เตรียมไว้ เป็นเสียงคุ้นเคยที่หากพวกมันได้ยิน ก็จะรู้ทันทีว่าได้เวลาอาหารแล้ว ก่อนพากันวิ่งมารวมตัวที่ทุ่งหญ้าทันทีควายแสนรู้ที่อยู่ในฟาร์มทั้ง 87 ตัว เป็นของ ร.ต.ท.นคร ปัญญาทิพย์ อายุ 63 ปี และนางวันเพ็ญ ปัญญาทิพย์ อายุ 63 ปี สองสามีภรรยา ผู้รับเหมาก่อสร้างใน อ.พร้าว ที่ไถ่ชีวิตควาย 2 ตัว มาจากโรงเชือดเมื่อ 20 ปีก่อน และนำมาเลี้ยงไว้จนออกลูกออกหลาน ปัจจุบันมีควายอยู่ทั้งหมดกว่า 87 ตัว ในจำนวนนี้มีควายเพศเมียที่ตั้งท้องอยู่ด้วยหลายตัว คาดว่าปีหน้าประชากรควายที่เลี้ยงไว้ น่าจะมีจำนวนมากกว่า 100 ตัวแน่นอน ร.ต.ท.นคร เล่าว่า ย้อนกลับไปเมื่อ 20 ปีก่อน ขณะตนเองกำลังโทรศัพท์คุยเรื่องงาน สังเกตเห็นลูกควาย 6 ตัว เป็นควายตัวเมีย 4 และตัวผู้ 2 ตัว ถูกผูกไว้ใกล้ ๆ และมองมาที่ตนเอง จนเกิดความรู้สึกสงสาร ก่อนจะสอบถามคนละแวกนั้น ก็ทราบว่าเป็นควายที่เจ้าของโรงเชือดเตรียมจะฆ่า เพื่อส่งให้ลูกค้าที่ต้องการนำลูกควายไปย่างกิน ตนรู้สึกสงสารจึงเจรจาขอซื้อจากเจ้าของโรงเชือด ซึ่งตกลงขายในราคา 7 หมื่นบาท พร้อมค่าขนส่งอีก 2 พันบาท และหลังโทรศัพท์ไปปรึกษาภรรยา ก็ตกลงให้ซื้อควายทั้งหมดเพื่อช่วยไถ่ชีวิตพวกมันต่อมามีชาวบ้านจาก อ.เชียงดาว ติดต่อผ่านกำนันในพื้นที่ อ.พร้าว เพื่อขอนำแม่ควายท้องแก่มาแลกควายตัวผู้ 2 ตัว เพราะต้องการเอาไปฝึกลากเกวียน ตนจึงตกลงแลก เพราะมิฉะนั้นควายท้องแก่ก็จะถูกขายให้กับโรงเชือด จากนั้นได้นำควายทั้งหมดไปฝากให้คนเลี้ยงไว้อีกตำบลหนึ่งของ อ.พร้าว จนควายท้องแก่ตกลูกออกมา ตามธรรมเนียมลูกควายตัวแรกที่คลอด จะต้องเป็นของคนเลี้ยง แต่ภรรยาเกิดความสงสารจึงขอซื้อจากคนเลี้ยงไว้ เพราะไม่ต้องการพรากแม่พรากลูก จากนั้นก็ซื้อลูกควายที่คลอดใหม่จากคนเลี้ยงมาเรื่อย ๆ จนเพิ่มจำนวนเป็น 60 ตัวกระทั่งคนเลี้ยงเดิมอายุมากขึ้น จึงขอเกษียณตัวเอง ตนจึงหาสถานที่พร้อมกับคนเลี้ยงใหม่ จนได้พื้นที่แห่งนี้พร้อมกับลุงปลิว ที่ขอรับค่าจ้างเป็นเงินเดือน เดือนละ 12,000 บาท ซึ่งตนก็จ้างลุงปลิวเลี้ยงควายทั้งหมดเรื่อยมา จนปัจจุบันควายออกลูกออกหลาน มีสมาชิกเพิ่มเป็น 87 ตัวแล้วร.ต.ท.นคร บอกว่า รู้สึกรัก และผูกพันกับควายทั้งหมด เพราะเลี้ยงดูกันมานานเหมือนเป็นสมาชิกในครอบครัว หากมีตัวไหนล้มตายก็ไม่เคยนำมาชำแหละกิน แต่จะนำรถแบล็กโฮมาขุดหลุมฝังแทน และทุกครั้งที่มีควายป่วย ก็จะรีบพาไปพบสัตวแพทย์เพื่อรักษา รวมทั้งจะพาสัตวแพทย์มาตรวจสุขภาพ และฉีดวัคซีนทุกปีไม่ขาด ซึ่งควายเหล่านี้ก็แสนรู้และเชื่องมาก ไม่เคยทำร้ายตนเอง ภรรยา หรือคนเลี้ยงเลย แต่กลับเข้ามาคลอเคลียเล่นด้วย และเมื่อเห็นรถของตนเองขับเข้ามาในฟาร์ม ก็รีบวิ่งมาหาทันที เช่นเดียวกันนางวันเพ็ญ ที่บอกว่า ไม่เคยคิดจะกินเนื้อควายที่เลี้ยงไว้ เพราะเลี้ยงดูกันมาเหมือนเป็นสมาชิกในครอบครัว แต่เป็นครอบครัวที่ค่อนข้างใหญ่ เพราะมีถึง 87 ตัว สำหรับค่าใช้จ่ายในการเลี้ยงควายทั้งหมด นอกจากเงินเดือนคนเลี้ยงเดือนละ 12,000 บาท ยังมีค่าอาหาร ค่ารักษา ซึ่งแต่ละเดือนไม่ต่ำกว่า 4-5 หมื่นบาท ด้านนายประชัน อุปคำแดง ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 10 ต.สันทราย อ.พร้าว บอกว่า ชาวบ้านในพื้นที่ได้รับอานิสงค์จากฟาร์มแห่งนี้ เพราะชุมชนทำธุรกิจโฮมสเตย์ มีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเดินทางมาพักค้างแรม และสัมผัสชีวิตที่นี่ ซึ่งเราก็พานักท่องเที่ยวมาเยี่ยมชมควายที่ฟาร์ม สร้างความตื่นเต้นให้นักท่องเที่ยวเป็นอย่างมาก

 

ร่วมแสดงความคิดเห็น