เวียนศรีษะ บ้านหมุน จากโรคตะกอนหินปูนในหูชั้นในหลุด โรคฮิตวัยทำงาน

กรมการแพทย์ โดยโรงพยาบาลราชวิถี แนะนำประชาชนดูแลสุขภาพพักผ่อนให้เพียงพอ เพื่อป้องกันไม่ให้เสี่ยงเป็นโรคตะกอนหินปูนในหูชั้นในหลุด นพ.ณรงค์ อภิกุลวณิช รองอธิบดีกรมการแพทย์และโฆษกกรมการแพทย์ เผยว่าโรคตะกอนหินปูนในหูชั้นในหลุด เป็นโรคที่พบได้บ่อยในกลุ่มวัยกลางคน และวัยทำงาน เนื่องจากทำงานหนัก และพักผ่อนน้อย
โรคนี้จะไม่มีอาการหูอื้อ มีอาการเฉพาะ คือ เวียนศีรษะเป็น ๆ หาย ๆ บ้านหมุน เสียการทรงตัว เกิดขึ้นทันทีทันใด เช่น ขณะพลิกตัวบนที่นอน หรือขณะลุกจากที่นอน ก้มดูของหรือเงยหน้าขึ้น มักเป็นอยู่ในช่วงสั้น ๆ แค่ช่วงวินาทีที่ขยับศีรษะ สักพักอาการจะค่อย ๆ หายไป หากขยับศีรษะในท่าเดิมอาการจะกลับมาเป็นใหม่ แต่ไม่รุนแรงเท่าครั้งแรกที่เป็น อาจมีอาการคลื่นไส้อาเจียนเป็นอาการข้างเคียงร่วมด้วย อาการเวียนศีรษะที่เกิดขึ้น อาจเป็นได้หลายครั้งต่อวัน และมักเป็นอยู่หลายวันแล้วจะค่อย ๆ ดีขึ้น
นพ.สมเกียรติ ลลิตวงศา ผอ.รพ.ราชวิถี เผยว่า ภายในหูชั้นในจะมีอวัยวะรูปร่างคล้ายก้นหอย คอยควบคุมเกี่ยวกับการทรงตัวและการได้ยิน ในอวัยวะควบคุมการทรงตัวมีของเหลว และตะกอนหินปูนเคลื่อนไปมา เพื่อรับรู้การเคลื่อนไหวของศีรษะ
เมื่อมีสาเหตุให้ตะกอนหินปูนที่อยู่ในของเหลวดังกล่าวหลุดไปจากที่อยู่ปกติ อาทิ จากความเสื่อมตามวัย อุบัติเหตุโดยเฉพาะการบาดเจ็บหรืออุบัติเหตุบริเวณศีรษะ การเคลื่อนไหวศีรษะซ้ำ ๆ เช่น การทำงานหน้าจอคอมพิวเตอร์ ต้องก้ม ๆ เงย ๆ หรือทำความสะอาด ที่ต้องก้ม ๆ เงย ๆ บ่อย ๆ จะทำให้ตะกอนหินปูนดังกล่าวหลุด และส่งสัญญาณไปยังระบบประสาทส่วนกลาง และกระตุ้นให้เกิดอาการเวียนศีรษะแบบหมุนขึ้นมาได้
ผู้ป่วยโรคนี้ มักไม่มีอาการหูอื้อ หรือ เสียงดังในหู ไม่มีแขนขาชา หรืออ่อนแรง หรือ พูดไม่ชัด ไม่มีอาการหมดสติ หรือเป็นลม เว้นแต่จะมีโรคอื่น ๆ ร่วมด้วย การรักษามีหลายวิธี ทั้งการรักษาด้วยยาและทำกายภาพบำบัด หากการรักษาตามอาการและการทำกายภาพบำบัดไม่ได้ผล แพทย์อาจแนะนำให้ผู้ป่วยรักษาด้วยวิธีการผ่าตัดเฉพาะในกรณีจำเป็น
โรคตะกอนหินปูนในหูชั้นในหลุด ยังไม่มียาจำเพาะสำหรับการรักษา และเนื่องจากเป็นโรคที่รักษาไม่หายขาด หากพบว่า อาจมีอาการดังกล่าวข้างต้น ควรรีบปรึกษาแพทย์เพื่อทำการรักษาต่อไป
ขอบคุณข้อมูลและภาพ : กรมการแพทย์

ร่วมแสดงความคิดเห็น