จ.ลำปาง มีคำสั่งให้ ผญบ.พร้อม ผช.ออกจากตำแหน่ง พร้อมเลือกตั้งใหม่ 14 ม.ค. 63

ผู้สื่อข่าวได้รับรายงาน จากแหล่งข่าวใน อ.แม่เมาะ จ.ลำปาง ว่าทาง อ.แม่เมาะ โดยนายนิมิตร ผดุงศิลป์ไพโรจน์ นอภ.แม่เมาะ ได้มีคำสั่งลงวันที่ 17 ธันวาคม 2562 ให้ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน ม.2 บ้านสบเติ๋น ต.สบป้าด อ.แม่เมาะ ออกจากตำแหน่งรวม 2 คน คือ นางอัมพร วงค์อ้าย และนายจรัล เหลือบจำเริญ ตามนายชนะชัย วราชัยกุล ผู้ใหญ่บ้าน บ้านสบเติ๋น หลังจากมีคำสั่ง จ.ลำปาง ที่ 6362/2562 ลงวันที่ 11 ธันวาคม 2562 เรื่องลงโทษไล่ออกจากตำแหน่ง ฐานปฎิบัติหรือละเว้นปฎิบัติหน้าที่ราชการโดยมิชอบ เพื่อให้ตนเองหรือผู้อื่นได้ประโยชน์ที่มิควรได้ เป็นการทุจริตต่อหน้าที่ราชการ และกระทำการอันได้ชื่อว่าประพฤติชั่วร้ายแรง ตามมาตรา 82 วรรคสาม และมาตรา 98 วรรคสอง แห่ง พ.ร.บ.ระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2535 ประกอบมาตรา 61 ทวิ แห่ง พ.ร.บ.ลักษณะปกครองท้องที่ พ.ศ. 2457 และที่แก้ไขเพิ่มเติม ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 11 ธันวาคม 2562 เป็นต้นไปโดยเมื่อวันที่ 17 ธันวาคม 2562 ทาง อ.แม่เมาะ ได้ติดประกาศ อ.แม่เมาะ เรื่อง การเลือกตั้งผู้ใหญ่บ้าน ระบุว่า ด้วยตำแหน่งผู้ใหญ่บ้าน บ้านสบเติ๋น หมู่ที่ 2 ต.สบป้าด ได้ว่างลง จึงกำหนดให้มีการเลือกตั้งผู้ใหญ่บ้านใหม่ โดยให้ใช้ศาลาเอนกประสงค์ประจำหมู่บ้าน หมู่ที่ 2 เป็นสถานที่ ที่ทำการลงคะแนนเลือกผู้ใหญ่บ้าน ทั้งนี้ราษฎรในหมู่บ้านผู้ใด ประสงค์จะสมัครรับเลือกตั้งเป็นผู้ใหญ่บ้าน ให้ยื่นใบสมัครด้วยตนเอง ณ ที่ว่าการ อ.แม่เมาะ ในระหว่างเวลา 08.30-16.30 น. ตั้งแต่วันที่ 23-25 ธันวาคม 2562 และได้กำหนดการเลือกตั้งผู้ใหญ่บ้าน ในวันที่ 14 มกราคม 2562 ตั้งแต่เวลา 08.00-15.00 น. ราษฎรในพื้นที่หากต้องการเพิ่มชื่อ ถอนชื่อให้กระทำได้ตั้งแต่ 20 ธันวาคม 2562 ถึง 22 มกราคม 2563 เวลาราชการ ณ ที่ทำการ อ.แม่เมาะซึ่งเมื่อวันที่ 19 ธันวาคม 2562 ทาง อ.แม่เมาะ นายเสกสรร โลหะกิจ ปลัดอำเภอฝ่ายปกครอง พร้อมด้วยนายถนอม กุลพินิจมาลา กำนัน ต.สบป้าด ได้ประชุมชาวบ้าน ณ ประชุมที่ศาลาประชาคมหมู่บ้านสบเติ๋น ได้แจ้งให้ทราบถึงการพ้นตำแหน่งของผู้ใหญ่บ้าน และเรื่องการรับสมัครผู้ใหญ่บ้านแล้ว
ทั้งนี้ สืบเนื่องจากมีการร้องเรียนไปยังหน่วยงานภาครัฐหลายแห่งว่า นายชนะชัย วราชัยกุล ผู้ใหญ่บ้าน บ้านสบเติ๋น หมู่ 2 ต.แม่เมาะ โดยเมื่อปี 2551 ดำรงตำแหน่งประธานคณะกรรมการโครงการแก้ไขปัญหาความยากจนหมู่บ้าน (กข.คจ) ซึ่งรับมอบจากอดีตผู้ใหญ่บ้าน คือ นายประชัญ เปี้ยสืบ พร้อมกับบัญชีเงินฝาก ชื่อบัญชี “โครงการแก้ไขปัญหาความยากจนบ้านสบเติ๋น ม.2” มียอดเงินรวม 213,304 บาท พร้อมมีลูกหนี้ 11 ราย รวมยอดหนี้ 71,900 บาทเมื่อวันที่ 6 พ.ค. 2551 นายชนะชัยและนางพัชรี ได้เบิกเงินออกจากบัญชีโครงการฯ จำนวน 200,000 บาท
วันที่ 3 มิ.ย. 2551 ถอนจำนวน 10,000 บาท โดยนางพัชรี รับเงินไป 20,000 บาท และนายชนะชัย รับเงินไป 190,000 บาท เพื่อนำไปลงทุนทำธุรกิจเฟอร์นิเจอร์ โดยไม่ได้ทำสัญญาเงินกู้ยืม ไม่ผ่านความเห็นชอบจากคณะกรรมการฯ และไม่มีการรายงานนายอำเภอทราบ
วันที่ 19 ม.ค.2553 นายพัชรี นำเงิน 20,000 บาท คืนแก่ นายชนะชัย และนำเงินเข้าบัญชีโครงการฯ ต่อมาได้มีการเปลี่ยนแปลงลายมือชื่อผู้มีอำนาจเบิกถอนเงิน เป็น 1.นายชนะชัย วราชัยกุล 2.นางจันทร์ศรี วงศ์อ้าย 3.นางสุจินดา แก้วหน่อ
วันที่ 24 พ.ค.2553 นายชนะชัย พร้อม นางจันทร์ศรี ได้เบิกเงินออกจากบัญชีธนาคารไปใช้ส่วนตัวจำนวน 20,000 บาท
ต่อมา นายประชัญ เปี้ยสืบ อดีตผู้ใหญ่บ้านเกิดความสงสัย จึงขอตรวจสอบบัญชีโครงการฯ จึงพบว่าเงินเหลือเพียง 4,000 บาท จึงแจ้งเจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบ และมีการประชุมร่วมกัน กระทั่งนายชนะชัย ยอมรับสารภาพว่า ตนเองนำเงินของโครงการไปใช้ส่วนตัวจริง เป็นเงิน 210,000 บาท โดยขอผ่อนผันกับทางเจ้าหน้าที่พัฒนาชุมชนฯ ว่าจะขอคืนเงินต้นพร้อมดอกเบี้ยให้เสร็จภายใน 2 ปีจนกระทั่งมีการคืนเงินจนครบ แต่ก็มิได้มีการลงโทษ ทำให้ชาวบ้านในพื้นที่ร้องเรียนให้ตรวจสอบเรื่องนี้อีกครั้งเมื่อปีที่ผ่านมา เนื่องจากเมื่อครบวาระนายชนะชัย ยังคงได้รับเลือกเข้ามาทำหน้าที่ผู้ใหญ่บ้านเช่นเดิม โดยไม่มีการลงโทษกับเรื่องที่เกิดขึ้น จากนั้นทางอำเภอ จังหวัด ได้แต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นอีกครั้ง ซึ่งเวลาล่วงเลยมา 11 ปี จนกระทั่งเมื่อวันที่ 19 ก.ย. ที่ผ่านมา นายทรงพล สวาสดิ์ธรรม ผวจ.ลำปาง ลงนามคำสั่งหลังคณะกรรมการสอบสวน สรุปผลการสอบสวนเสร็จสิ้นแล้วพิจารณาและเห็นว่านายชนะชัย ได้กระทำผิดทางละเมิด โดยเบิกถอนเงินจากบัญชีโครงการฯ ไปใช้ส่วนตัว เป็นเหตุให้ทางราชการได้รับความเสียหาย โดยกรมการพัฒนาชุมชนได้รับความเสียหาย จึงออกคำสั่งให้รับผิดชอบชดใช้ค่าเสียหาย และปัจจุบันได้ชดใช้ครบถ้วนแล้วจังหวัดพิจารณาแล้วเห็นว่า นายชนะชัย ดำรงตำแหน่งประธานคณะกรรมการหมู่บ้าน และประธานคณะกรรมการโครงการฯ มีหน้าที่ในการบริหารจัดการโครงการให้เป็นไปตามกฎหมาย แต่กลับร่วมกับพวก เบิกถอนเงินงบประมาณไปใช้ส่วนตัว โดยมีเจตนาจะไม่ปฎิบัติให้เป็นไปตามระเบียบกฎหมายที่กำหนด เป็นการทุจริตต่อหน้าที่ราชการ และกระทำการอันได้ชื่อว่าประพฤติชั่วร้ายแรงตาม พ.ร.บ.ข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2535 ประกอบมาตรา 61 ทวิ แห่ง พ.ร.บ.ปกครองท่องที่ พ.ศ.2457 และแก้ไขเพิ่มเติม ซึ่ง ครม.ได้มีมติเมื่อวันที่ 21 ธ.ค.2536 ให้ลงโทษผู้กระทำผิดวินัยฐานทุจริตต่อหน้าที่ราชการไล่ออกจากราชการ
ทั้งนี้ นายชนะชัย ได้โต้แย้งแล้ว แต่สุดท้ายแล้วมีคำสั่ง จ.ลำปาง ที่ 6362/2562 ลงวันที่ 11 ธันวาคม 2562 เรื่องลงโทษไล่ออกจากตำแหน่งในที่สุด

 

ร่วมแสดงความคิดเห็น