ผู้ว่าฯ ลำปาง นำทีมแถลงข่าวสถานการณ์หมอกควันไฟป่าในพื้นที่ พร้อมเตรียมการรับมือ

ตามที่ได้เกิดสถานการณ์ไฟป่าตามจุดต่าง ๆ ในหลายเขตท้องที่ทั่วทั้ง 13 อำเภอของ จ.ลำปาง จนทำให้ปัญหาหมอกควันไฟป่าเริ่มรุนแรงขึ้น ค่าปริมาณฝุ่นละอองขนาดเล็กเพิ่มสูง อยู่ในระดับที่เริ่มจะมีผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชน โดย จนท.ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ต่างเร่งระดมกำลังแก้ไขสถานการณ์ พร้อมวางมาตรการเตรียมการณ์รับมือกับปัญหาที่เกิดขึ้น ซึ่งคาดว่าจะทวีความรุนแรงเพิ่มมากขึ้น ในช่วงอีก 1-2 เดือนข้างหน้า


ล่าสุด นายณรงค์ศักดิ์ โอสถธนากร ผวจ.ลำปาง ได้นำทีมผู้บริหาร หัวหน้าหน่วยงานส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์ตามเขตพื้นที่เสี่ยง บริเวณเขตป่าสงวน ป่าอนุรักษ์ ณ ที่ทำการอุทยานแห่งชาติแม่วะ อ.เถิน เพื่อร่วมรับฟังถึงสภาพปัญหาในเขตพื้นที่ และแนวทางแก้ไขรวมถึงมาตรการความพร้อมในด้านต่าง ๆ ที่จะรับมือกับสถานการณ์ปัญหาไฟป่า และหมอกควันที่เกิดขึ้น ซึ่งในโอกาสนี้ ผวจ. พร้อมทีมผู้บริหาร หัวหน้าส่วนราชการ ตัวแทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งฝ่ายทหาร ตำรวจ ป่าไม้ ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม หน่วยงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย สำนักงานเกษตร ท้องที่ท้องถิ่น ร่วมกันเปิดโต๊ะแถลงข่าวต่อสื่อมวลชน ถึงสถานการณ์ไฟป่าหมอกควันที่เกิดขึ้นในเขตพื้นที่


โดย ผวจ.ลำปาง ได้กล่าวว่า สำหรับเหตุการณ์ไฟป่าและหมอกควัน ถือเป็นปัญหาสำคัญของจังหวัดในเขตภาคเหนือ 9 จังหวัด และเป็นปัญหาที่ได้เกิดขึ้นเป็นประจำทุกปี เฉพาะอย่างยิ่งจะมีความรุนแรงจนถึงขั้นวิกฤตในช่วงประมาณเดือนกุมภาพันธ์ – เมษายน ซึ่งในส่วนของ จ.ลำปาง ได้มีการเตรียมพร้อมรับมือกับสถานการณ์ปัญหาดังกล่าว มาตั้งแต่เดือนตุลาคม โดยได้จัดทำแผนปฏิบัติการไว้รองรับในทุก ๆ ด้าน เน้นกำชับให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จัดทำแผนปฏิบัติการระดับพื้นที่ เน้นการบริหารจัดการเชื้อเพลิงให้เหมาะสม และเน้นการควบคุมเฝ้าระวังการเผาในบริเวณพื้นที่ป่า ที่มีความเสี่ยงและอยู่ในเขตรับผิดชอบของแต่ละพื้นที่

โดยมีเป้าหมายให้ทุก ๆ พื้นที่ มีค่าฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 เกินค่ามาตรฐาน และมีจำนวนจุดความร้อนลดลง เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมาไม่น้อยกว่า ร้อยละ 50 และมีเป้าหมายที่จะลดอัตราผู้ป่วยที่ได้รับผลกระทบจากหมอกควันฝุ่นละอองขนาดเล็ก ให้ลดลงไม่น้อยกว่า ร้อยละ 70 ส่วนมาตรการบังคับในปีนี้ทาง จ.ลำปาง ได้กำหนดช่วง 60 วัน ห้ามเผาในระหว่างวันที่ 1 มีนาคม ถึง 30 เมษายน 2563 ซึ่งในช่วงกล่าว จะมีการใช้มาตรการบังคับทางกฎหมายอย่างเข้มงวด ห้ามมิให้มีการจุดไฟเผาทั้งในพื้นที่โล่งแจ้ง และพื้นที่ป่าอย่างเด็ดขาด หากผู้ใดฝ่าฝืนจะต้องถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย

สำหรับในส่วนมาตรการเสริมต่าง ๆ ที่จะนำมาใช้ทั้งในช่วงก่อน ระหว่าง และหลัง 60 วันห้ามเผา ทาง จ.ลำปาง โดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จะดำเนินการในทุกรูปแบบ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการเผา หรือมีการเผาในพื้นที่ให้น้อยที่สุด ซึ่งจะเน้นหลักการทำงานในเรื่องการประชาสัมพันธ์ สร้างความรู้ความเข้าใจกับชาวบ้าน ห้ามมิให้มีการจุดไฟเผาป่า แต่ให้ช่วยกันสอดส่องดูแลรักษาผืนป่า เชิญชวนชาวบ้านร่วมเป็นจิตอาสาทำแนวกันไฟ สร้างฝายชะลอน้ำ หรือทำกิจกรรมอื่น ๆ เพื่อสร้างความชุ่มชื้นให้กับพื้นที่

นอกจากนี้ ในการป้องกันและเฝ้าระวัง จะเน้นการใช้ชุมชนท้องถิ่นเป็นฐาน ใช้พื้นที่เป็นตัวตั้งในการดำเนินงาน ให้ชาวบ้านได้เป็นกำลังหลัก ในการสอดส่องดูแลเฝ้าระวังพื้นที่ ไม่ให้เกิดไฟไหม้ป่าหรือคอยสอดส่องการดำเนินการใด ๆ ที่อาจส่งผลกระทบก่อให้เกิดฝุ่นละอองขนาดเล็ก และให้หน่วยงานส่วนราชการรวมถึงหน่วยงานของรัฐ เป็นส่วนกำลังเสริมคอยรับแจ้งเหตุสถานการณ์ เตรียมพร้อม ที่จะให้การสนับสนุนในเรื่องของกำลังคน เครื่องมืออุปกรณ์ และการเข้าถึงพื้นที่ได้อย่างรวดเร็วทันท่วงที


นอกจากนี้ ในมาตรการเตรียมพร้อม หากสถานการณ์หมอกควันไฟป่าในพื้นที่มีความรุนแรง ค่าฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 เกินค่ามาตรฐานติดต่อกันนานกว่า 5 วันขึ้นไป ทางหน่วยงานสาธารณสุขทั่วเขตพื้นที่ จ.ลำปาง จะได้มีการออกให้ความรู้เรื่องสุขภาพ แนะนำข้อควรปฏิบัติแก่ประชาชนในชุมชนเขตท้องที่รับผิดชอบที่ได้รับผลกระทบทันที รวมทั้งได้ให้หน่วยงานระดับพื้นที่มีการจัดจุดพักผ่อนปลอดมลพิษ หรือ Safety Zone เพื่อใช้เป็นศูนย์พักพิงสำหรับประชาชน ที่มีปัญหาเรื่องสุขภาพด้วย ซึ่งขณะนี้ทุกหน่วยได้มีการเตรียมความพร้อม เพื่อรองรับกับสถานการณ์ไว้แล้วในทุกเขตพื้นที่

อย่างไรก็ตาม ในส่วนของสถานการณ์ค่าฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 ในพื้นที่ จ.ลำปาง เช้าวันนี้ (10 มกราคม 2563) พบว่าสถานการณ์ค่าฝุ่นละอองขนาดเล็ก ยังอยู่ในเกณฑ์สีส้ม คือ เริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชน โดยสามารถวัดค่าปริมาณฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 ได้สูงสุดที่ต.พระบาท อ.เมือง 64 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร และวัดค่าได้ต่ำสุด ที่ ต.บ้านดง อ.แม่เมาะ 55 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร

ร่วมแสดงความคิดเห็น